
© 2017 Copyright - Haijai.com
อาหารกับพฤติกรรมเด็ก
อาหารไม่เพียงมีผลต่อพลังงานและการเจริญเติบโตของเด็กเท่านั้น หากยังมีผลต่อพฤติกรรมของเด็ก (ไม่นับที่ร้องไห้งอแงะเพราะหิวข้าว) งานวิจัยจากออสเตรเลียแสดงให้เห็นว่าการแพ้อาหาร (ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับแอนติบอดี้ชนิด IgE) ของเด็กทารกอายุ 12 เดือนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อปัญหาด้านพฤติกรรมเมื่อเด็กอายุ 18 เดือน โดยการแพ้อาหารที่ไม่เกี่ยวข้องกับ IgE (มีอาการคือท้องไส้ปั่นป่วนและผื่นผิวหนังที่ไม่ใช่ลมพิษนับแต่รับประทานอาหารบางชนิดเป็นเวลามากกว่า 2 ชั่วโมง) สัมพันธ์กับปัญหาพฤติกรรมที่เด็กมีต่อตนเอง (Internalising behaviors) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สาเหตุที่การแพ้อาหารทำให้เกิดพัฒนาการที่ผิดปกติของพฤติกรรม อาจจะมาจากการที่สารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการภูมิแพ้และการอักเสบไปส่งผลต่อเซลล์ประสาท โดยเฉพาะระบบความสัมพันธ์ระหว่างสมองส่วนไฮโปทาลามัส ต่อมใต้สมอง และต่อมหมวกไต
อย่างไรก็ตามเมื่อมียาพิษก็ต้องมียาแก้ เด็กที่มีปัญหาแพ้อาหารก็อาจจะลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาพัฒนาการของพฤติกรรมได้ด้วยอาหารบางชนิด ดังงานวิจัยในหนูทดลองจากเนเธอแลนด์ที่พึ่งตีพิมพ์ใน Neuropharmacology ปีนี้ได้แสดงเอาไว้ งานวิจัยนี้ได้แบ่งหนูทดลองอายุ 3 สัปดาห์ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ได้รับอาหารปกติ และกลุ่มที่ได้รับอาหารผสมน้ำมันปลา ซึ่งเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมกา-3 เมื่อหนูอายุได้ 5 สัปดาห์ นักวิจัยจะป้อนสารเหนี่ยวนำให้หนูเกิดการแพ้เวย์โปรตีนทุกสัปดาห์ จนถึงสัปดาห์ที่ 9 ในสัปดาห์ที่ 10 หนูจะได้รับเวย์โปรตีนและนักวิจัยจะดูพฤติกรรมทางสังคมในเช้าวันถัดจากวันหนูได้รับเวย์โปรตีน ตัวแปรอื่นๆ ที่มีการศึกษาในงานวิจัยนี้ ได้แก่ ปริมาณสารสื่อประสารทชนิดโมโนเอมีนในสมองและลำไส้ของหนู และสภาพผิวหนังของหนู
การเสริมโอเมกา-3 ให้ผลดีแก่หนูทดลอง โดยลดการบวมของใบหูหนูทดลอง และลดปริมาณ IgE ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแพ้อาหาร หนูที่มีอาการแพ้เวย์โปรตีน จะมีปฏิสัมพันธ์กับหนูตัวอื่นลดลง ในขณะที่การเสริมโอเมกา-3 ช่วยป้องกันภาวะนี้ นอกจากนี้โอเมกา-3 ยังช่วยรักษาระดับของสารสื่อประสาทในกลุ่มโมโนเอมีน (ได้แก่ เซโรโทนินและโดปามีน) ให้เป็นปกติ การป้องกันการเกิดอาการแพ้ และการที่ดีเอชเอซึ่งเป็นโอเมกา-3 ชนิดหนึ่งถูกเสริมเข้าไปในเยื่อเซลล์ประสารทของสมอง ล้วนเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นกลไกที่อยู่เบื้องหลังผลดีนี้
การแพ้อาหารจึงนับเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เพราะนอกจากจะส่งผลต่อภาวะโภชนาการของเด็กแล้ว ยังส่งผลต่อพัฒนาการของสมองเด็กอีกด้วย ผู้เป็นพ่อคนแม่คน จึงควรสังเกตและทำประวัติการแพ้อาหารของลูกเอาไว้ งานวิจัยข้างต้นนับเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงผลดีของกรดไขมันโอเมกา-3 ต่อระบบประสาท อย่างไรก็ตามเนื่องจากข้อมูลข้างต้นยังได้จากสัตว์ทดลอง การจะนำมาปรับใช้ในมนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพ จึงยังต้องมีการศึกษาต่อไป
(Some images used under license from Shutterstock.com.)