
© 2017 Copyright - Haijai.com
รู้ก่อนใช้ยารักษาเบาหวาน
โรคเบาหวาน โรคเรื้อรังที่ใครก็ไม่อยากเป็น แต่ปัจจุบันพบว่าประชากรไทยจำนวน 3.2 ล้านคน มีภาวะเบาหวาน แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวาน และมีผู้ป่วยเบาหวานเพียงร้อยละ 6.25 จากจำนวนผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด ที่มีผลการรักษาที่น่าพอใจ เนื่องจากโรคเบาหวานเป็นโรคที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง แม้จะรักษาไม่หายขาด แต่ก็สามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติได้ ด้วยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ ซึ่งหลายคนไม่รู้ว่า ยาที่ใช้คืออะไร มีข้อห้ามหรือข้อควรระวังอะไรบ้าง ลองมาเรียนรู้ เพื่อป้องกันความผิดพลาด จนทำให้คุมน้ำตาลในเลือดไม่ได้ผลกันดีกว่า
รู้จัก 6 กลุ่มของยารักษาเบาหวาน
ยารักษาโรคเบาหวานมีหลายชนิด ซึ่งออกฤทธิ์ตามกลไกของการเกิดโรคเบาหวาน อาจแบ่งได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 6 กลุ่ม ตามกลไกในการออกฤทธิ์ของยา ได้แก่
1.ยาที่ออกฤทธิ์โดยกระตุ้นให้ตับอ่อนสร้างอินซูลินเพิ่มขึ้น เช่น ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย รวมทั้งยาใหม่ในกลุ่มที่ออกฤทธิ์โดยเพิ่มฮอร์โมนอินครีติน ซึ่งช่วยให้เซลล์ของตับอ่อนทำงานดีขึ้น และลดระดับกลูคากอน หลังรับประทานอาหาร ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีและเร็ว แต่มีข้อเสียคือทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม และเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้บ่อย
2.ยาที่ออกฤทธิ์โดยทำให้เซลล์ของร่างกายใช้น้ำตาลกลูโคสได้ดีขึ้น ลดภาวะด้านอินซูลิน เช่น ยาไพโอกลิตาโซน ซึ่งทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มและมีน้ำคั่งทำให้บวมได้ จึงมีข้อควรระวังในคนไข้สูงอายุที่มีภาวะหัดใจโต หัวใจวาย
3.ยาที่ออกฤทธิ์โดยลดการสร้างน้ำตาลกลูโคสจากตับ เช่น ยาเมทฟอร์มิน มีข้อดีคือไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม แต่มีข้อเสียคือ ทำให้มีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ และถ่ายอุจจาระบ่อย หรือถ่ายเหลวเหมือนท้องเสียได้
4.ยาที่ออกฤทธิ์โดยลดการดูดซึมน้ำตาลจากลำไส้ มักมีปัญหาเรื่องแก๊สในลำไส้ ผายลมบ่อย
5.ยาที่ออกฤทธิ์โดยการปล่อยน้ำตาลออกทางไตเพิ่มขึ้น หรือผ่านทางปัสสาวะ ช่วยลดน้ำหนักได้ดี แต่มีข้อเสียคือ เกิดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้บ่อยขึ้น
6.ยาอินซูลิน ซึ่งเป็นยาชนิดฉีดมีหลายชนิด เช่น ชนิดออกฤทธิ์สั้น ออกฤทธิ์เร็ว ใช้ฉีดเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร หรือใช้ในกรณีฉุกเฉิน ต้องการลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยเร็ว ชนิดออกฤทธิ์ปานกลางและออกฤทธิ์นาน มักใช้เป็นอินซูลินแบบพื้นฐาน คือ ให้ออกฤทธิ์นานตลอดวัน สามารถฉีดเพียงวันละ 1-2 ครั้ง
จะเห็นได้ว่า ไม่มียาตัวใดที่มีคุณสมบัติสมบูรณ์ ปราศจากข้อเสีย การจะเลือกใช้ยาชนิดใดนั้น อยู่ในวิจารณญาณของแพทย์ผู้ดูแล ในบางครั้งอาจต้องใช้ยาร่วมกัน 2 หรือ 3 ประเภท หรือร่วมกับยาฉีดอินซูลิน การใช้ยาร่วมกันตั้งแต่ 2 ประเภทขึ้นไป จะมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลได้ดีขึ้น แต่ก็มีโอกาสเกิดอาการข้างเคียงจากยาเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ต้องคำนึงไว้เสมอว่า ยาทุกชนิดมีทั้งคุณและโทษ สิ่งสำคัญคือใช้เท่าที่จำเป็น ใช้ในปริมาณที่น้อย และต้องรับประทานอย่างถูกต้องตรงเวลา ยาเบาหวานบางชนิดต้องรับประทานก่อนอาหาร หรือรับประทานพร้อมกับมื้ออาหาร จึงจะมีฤทธิ์ตามที่ต้องการ หากไปรับประทานหลังอาหาร อาจมีฤทธิ์ลดลงหรือไม่มีประสิทธิภาพได้ โดยทั่วไปถ้าหากให้รับประทานก่อนอาหาร ควรรับประทานก่อนอาหารราว 15-30 นาที ควรรับประทานอาหารและรับประทานยาให้ตรงเวลาใกล้เคียงกันทุกๆ วัน ในกรณีที่ลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ การลืมรับประทานยาหรืองดยาเบาหวานต่อเนื่องเป็นเวลาหลายๆ วัน อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงมาก และไม่ควรปรับเพิ่มหรือลดขนาดของยาเบาหวานเอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์
ศ.นพ.สมพงษ์ สุวรรณวลัยกร
อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อ
โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี
(Some images used under license from Shutterstock.com.)