© 2017 Copyright - Haijai.com
กดจุดเท้าแก้เบาหวาน
เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ (Non Communicable Diseases : NCDs) ที่เป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุขที่สำคัญของทุกประเทศทั่วโลก โดยสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต การบริโภคอาหาร และขาดการออกกำลังกาย จากการสำรวจข้อมูลของสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation) พบผู้ที่เป็นเบาหวาน 382 ล้านคน และคาดว่าในปี พ.ศ.2578 จะเพิ่มขึ้นเป็น 592 ล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีอายุระหว่าง 20-79 ปี ซึ่งจากการสำรวจในปี พ.ศ.2553 พบว่ามีจำนวน 285 ล้านคน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 439 ล้านคนในอีก 20 ปี ข้างหน้า ซึ่งร้อยละ 60 เป็นชาวเอเชีย โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 72 ล้านคน เป็น 123 ล้านคนในปี พ.ศ.2578 หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 70
เบาหวานเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบทางด้านร่างกาย แม้ว่าจะไม่ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตในทันที แต่ภาวะแทรกซ้อนอันเกิดจากเบาหวานนั้น ทำให้เกิดความพิการหรือเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ภาวะแทรกซ้อนสำคัญที่ทำให้เกิดแผลที่เท้าส่วนใหญ่คือ ความเสื่อมของเส้นประสาทส่วนปลาย ทำให้มีอาการชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง ผิวหนังแตกแห้งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดแผลที่เท้าได้ง่าย การเสื่อมของระบบประสาทส่วนปลายในผู้ที่เป็นเบาหวาน เกิดจากากรมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานไปเกาะเนื้อเยื่อไขมัน ที่ห่อหุ้มบริเวณปลอกเซลล์ประสาท ทำให้ความสามารถในการนำส่งสัญญาณประสาททำได้ช้าลง นำไปสู่ภาวะปลายประสาทเสื่อม การรับความรู้สึกและการรับสัมผัสช้าลงหรือเสียไป เราจึงเห็นว่าผู้ป่วยเบาหวาน จึงมักเจออุบัติเหตุที่เท้าบ่อยๆ เช่น ถูกไม้ปิ้งลูกชิ้นทิ่มตำ และเกิดเป็นแผลที่เท้าได้ง่าย ลุกลามเร็ว เพราะเนื้อเยื่อของร่างกายหวาน แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ง่าย แผลจึงหายยาก จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการสูญเสียขาและเท้ามากที่สุด เมื่อเกิดแผลที่เท้าแล้ว จะมีโอกาสเกิดแผลที่เท้าซ้ำถึงร้อยละ 34 ภายใน 1 ปี ร้อยละ 61 ภายใน 3 ปี และสูงถึงร้อยละ 70 ภายใน 5 ปี
จากสถิติของสหพันธ์เบาหวานนานาชาติพบว่า ผู้ที่เป็นเบาหวานมีความเสี่ยงจะถูกตัดขามากกว่าผู้ที่ไม่เป็นเบาหวาน ถึง 25 เท่า โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกพบว่าร้อยละ 70 ของการถูกตัดขา มีสาเหตุมาจากเบาหวาน สำหรับในประเทศไทยพบผู้ที่เป็นเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนทางเท้าร้อยละ 26.75
การรักษาเบาหวานปัจจุบันมี 2 แนวทางหลัก คือ การไม่ใช้ยาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และการใช้ยาทั้งชนิดเม็ดรับประทาน และ/หรือ ยาฉีดอินซูลิน ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่นำมาใช้กับผู้ที่เป็นเบาหวาน ส่วนใหญ่มีความครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ พฤติกรรมการบริโภคอาหารหรือควบคุมอาหาร พฤติกรรมการออกกำลังกาย พฤติกรรมการใช้ยา และการจัดการความเครียด
เบาหวานกับการนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า
เนื่องจากปัญหาสุขภาพของผู้ที่เป็นเบาหวาน ที่ยังไม่สามารถควบคุมด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ยาได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนจึงหันมาแสวงหาทางเลือกอื่นเข้ามาช่วย ในการแก้ไขปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพทย์ทางเลือกแบบตะวันออก เช่น การใช้สมุนไพร การฝังเข็ม การทำสมาธิ การนวด เป็นต้น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่า มีการใช้แพทย์ทางเลือกกว่าร้อยละ 60 เนื่องจากผู้ที่เป็นเบาหวานมีทัศนคติที่ดีต่อการใช้แพทย์ทางเลือก และสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึงร้อยละ 70 ซึ่งการนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า เป็นการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และกระตุ้นไปยังอวัยวะที่เป็นตัวแทนของร่างกาย เพื่อปรับสมดุลการทำหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ทั้งยังช่วยให้พลังโคจรไปตามแนวเส้นโคจรพลังได้สะดวก ในศาสตร์การแพทย์แผนจีนมองว่า ถ้าพลังลมปราณเดินได้สะดวก บุคคลนั้นจะมีสุขภาพดี หากพลังอุดกั้นตรงบริเวณใดก็จะเกิดโรคกับอวัยวะบริเวณนั้นๆ
ในระหว่างกระบวนการนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า ผู้ที่ทำการนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า สามารถบอกได้ว่าเส้นโคจรพลังนั้น มีการอุดกั้นที่จุดใด นั่นคือการตรวจพบเม็ดทราย (Micro crystal) คือ มีการสะดุดและรับรู้ ด้วยการกดด้วยไม้กดจุดฝ่าเท้า โดยรู้สึกดังกึกๆ ฝรั่งจะเรียกตรงนี้ว่า Click sound ซึ่งเชื่อว่าเม็ดทรายนี้ เกิดจากการสะสมของกรดแลคติก กรดยูริก หรือเกิดจากแคลเซียมเข้าไปจับเกาะ ซึ่งผู้นวดสามารถใช้ไม้กดให้แตกออกได้ เมื่อกดให้แตกเป็นเม็ดเล็กๆ แล้ว มันสามารถดูดซึมกลับเข้าสู่กระแสโลหิต และถูกขจัดออกมาทางไต และท่อไตปนออกมากับน้ำปัสสาวะ ดังนั้น การนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า จึงมีกลไกในการกำจัดของเสีย เราจึงแนะนำให้ดื่มน้ำอุ่นๆ ภายหลังนวดเสร็จ เพื่อให้ของเสียหรือเม็ดทรายเล็กถูกขับออกมาได้ง่ายขึ้น
เหตุผลที่นำการนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้ามาช่วยในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากการนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้านั้น ให้การดูแลทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม (Bio-Psycho-Social) ในการปรับสมดุลการทำงานของอวัยวะต่งๆ ในร่างกาย โดยอาศัยหลักแนวคิดปรัชญาตะวันออก ในศาสตร์การแพทย์แผนจีนที่กล่าวถึงการไหลเวียนของพลัง ที่ไม่ติดขัดทำให้มีสุขภาพดี การนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า เป็นกระบวนการถ่ายทอดพลังไปตามเส้นโคจรพลัง พลังไหลสะดวก ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เซลล์ต่างๆ ได้รับสารอาหารและออกซิเจนได้ดีขึ้น การทำงานของอวัยวะและต่อมต่างๆ ภายในร่างกายกลับสู่ภาวะสมดุล ระบบต่อมไร้ท่อประสาท และกล้ามเนื้อทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อาการปลายประสาทเสื่อมดีขึ้น ลดอาการชาได้
การนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า มีผลในการกระตุ้นปลายประสาทโดยตรง ทำให้การส่งสัญญาประสาทเร็วขึ้น มีผลต่ออวัยวะต่างๆ ที่เส้นประสาทไปเลี้ยงโดยตรง และยังเกิดการกระตุ้นประสาทรับความรู้สึกที่ผิวหนัง ซึ่งจะอยู่ในเยื่อบุผิวหรือเนื้อเยื่อรับความรู้สึกของความรู้สึกต่างๆ ส่งข้อมูลออกไปทางประสาทอัตโนมัติ เมื่อได้รับการนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า จะทำให้กระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติพาราซิมพาเธติค มีผลทำให้เส้นเลือดที่ผิวหนังขยาย กล้ามเนื้อคลายตัว เซลล์ประสาทและกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ของร่างกายได้รับสารอาหาร และออกซิเจนอย่างเพียงพอ อวัยวะต่างๆ ทำงานอย่างสมดุล แก้ไขปัญหาปลายประสาทเสื่อม ลดอาการชาเท้าได้
การนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้าในการวิจัยครั้งนี้ จะเริ่มต้นด้วยการปรับสมดุลของร่างกาย โดยจะทำการนวดกดลงไปยังจุดที่เป็นตัวแทนอวัยวะต่างๆ ทั้ง 62 จุด เพื่อให้พลังไหลเวียนดี จากนั้นจึงมาเน้นอีก 26 จุดสำคัญใต้ฝ่าเท้า เพื่อปรับสมดุลของอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย และช่วยขจัดสิ่งที่ขัดขวางการไหลเวียนของพลัง ทำให้ร่างกายทำงานได้ปกติ กล้ามเนื้อผ่อนคลาย การไหลเวียนเลือดดี ส่งผลให้ต่อมหมวกไตผลิตฮอร์โมนอิพิเนฟริน (epinephrine) และนอร์เอพิเนฟริน (norepinephrine) อยู่ในระดับพอดี ทำให้หลอดเลือดคลายตัว หัวใจเต้นช้า การหลั่งคอร์ติซอล (cortisol) ลดลง ทำให้การสังเคราะห์น้ำตาลในเลือดและระดับ Hba(1c) ลดลงด้วย นอกจากนี้ยังกดจุดสะท้อนฝ่าเท้าซ้ำอีก 13 จุด ซึ่งประกอบด้วยจุดศูนย์รวมประสาท สมองต่อมใต้สมอง กระดูกสันหลัง หัวใจ ปอด กระบังลม ตับ ตับอ่อน ต่อมหมวกไต ไต ท่อไต และกระเพาะปัสสาวะ เพื่อกระตุ้นซ้ำจุดที่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด และการไหลเวียนของเลือดที่ดีสามารถไปสู่เซลล์ต่างๆ ได้ ส่งผลให้การทำงานของระบบประสาทและกลมเนื้อดีขึ้น ช่วยลดการสูญเสียความรู้สึกและลดแรงกดที่เท้าผิดปกติ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เตรียมตัวก่อนนวด
ข้อพึงปฏิบัติในการนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้าในผู้ป่วยเบาหวานมีดังต่อไปนี้
• ผู้ป่วยไม่อยู่ในสภาวะอิ่มข้าวใหม่ๆ เพราะผู้ป่วยจะผะอืดผะอม ไม่สบายท้อง บางรายอาจมีคลื่นไส้อาเจียนได้
• ล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เพราะผู้ป่วยเบาหวานผิวแห้งง่าย ไม่ควรเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะเพิ่มความแห้งให้กับผิวหนังเสี่ยงต่อการเกิดแผลได้ง่าย
• กรณีที่มีแผลเปิดบริเวณเท้า ไม่ควรทำการนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย ให้เลี่ยงไปนวดกดจุดสะท้อนที่ฝ่ามือแทน
• สำหรับเตียงนอนนวด ศีรษะต้องสูงกว่าปลายเท้า หากศีรษะต่ำกว่าปลายเท้า หลังนวดอาจพบอาการปวดศีรษะได้
• ไม่ทำการนวดในหญิงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก เพราะอาจทำให้แท้งได้ เนื่องจากมดลูกบีบรัดตัวแรงขึ้น แต่ประโยชน์ตรงนี้หากนวดขณะเจ็บท้องคลอด จะทำให้ปากมดลูกเปิดเร็ว และการเจ็บท้องคลอดจะน้อยลง
ในการนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า เพื่อลดน้ำตาลในเลือด จากการวิจัยแนะนำให้นวดทุกวัน วันละ 30 นาที เพราะการนวดเปรียบเสมือนการรับประทานยา เพื่อให้ระดับการออกฤทธิ์ของยาในกระแสเลือดมีความต่อเนื่องและคงที่ การนวดนั้นผู้ป่วยสามารถนวดด้วยตัวเองได้ แต่หากมีลูกหลานช่วยนวดให้ ผู้ป่วยจะรู้สึกสุขสบายมากกว่า และการให้ลูกหลานหรือคนในครอบครัวนวดให้นั้น เป็นไปด้วยความปรารถนาดีที่ต้องการให้ผู้ป่วยมีสุขภาพที่ดีด้วยใจเต็มร้อย เพราะการนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้าเป็นการถ่ายทอดพลังบวก ให้กับผู้ป่วยด้วยสองมือและหนึ่งใจ หากมีใจเต็มร้อยผู้ป่วยก็จะได้รับพลังที่ดีและมีประสิทธิภาพ
ผศ.ดร.ลดาวัลย์ อุ่นประเสริฐพงศ์ นิชโรจน์
ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์การแพทย์แบบผสมผสานกับการแพทย์ทางเลือก
(Some images used under license from Shutterstock.com.)