© 2017 Copyright - Haijai.com
กินดิน ล้างสารพิษได้จริงหรือ
หากพูดถึงพฤติกรรม “กินดิน” หลายๆ คนคงนึกถึงภาพสัตว์ชนิดต่างๆ หรือต้นไม้ที่ต้องอาศัยประโยชน์จากดิน เพื่อความอยู่รอด แต่ใครจะทราบบ้างว่ามนุษย์อย่างเราก็สามารถกินดินได้เช่นกัน โดยเป็นดินเหนียวที่เรียกว่า ดินเบนโทไนท์ (Bentonite clay) จัดเป็นหินเถ้าภูเขาไฟที่แปรเปลี่ยนเบื้องต้นไปเป็นเนื้อดิน ซึ่งพบว่ามีแคลเซียม แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก และสังกะสี ในปริมาณที่สูงกว่าอาหารเสริมทั่วไปในปัจจุบัน
ดินเบนโทไนท์คืออะไร
เบนโทไนท์ ยังเรียกอีกอย่างว่า มอนต์มอริลโลไนท์ เป็นหนึ่งในดินเหนียมที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เบนโทไนท์สามารถนำมาใช้ภายนอก โดยการนำมาพอกผิวหรือทำความสะอาดผิว และเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เบนโทไนท์คุณภาพดีควรมีสีเทาหรือครีม และ “สีขาวบริสุทธิ์” เป็นชนิดที่ดีที่สุด เบโทไนท์ที่ดีจะให้ความรู้สึกคล้ายกำมะหยี่ ไม่มีกลิ่น และไม่ย้อมสี ดินเนโทไนท์ประกอบด้วย เถ้าภูเขาไฟเก่าแก่ ซึ่งชื่อนี้ได้มาจากผืนดินที่ใหญ่ที่สุดของเบนโทไนท์ ที่ตั้งอยู่ในฟอร์ท เบนตัน รัฐไวโอมิง นั่นเอง
เสริมแร่ธาตุด้วย “กินดิน”
การกินดินเป็นที่รู้จักกันในกลุ่มของอาการโรคประหลาดที่เกี่ยวกับการบริโภค ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของแถบทวีปแอฟริกาและแถบทวีปตะวันออกกลาง ริค วิลสัน (Rick Wilson) ผู้อำนวยการฝ่ายโภชนาการและโรคเบาหวานที่โรงพยาบาลคิงส์คอลเลจกล่าวว่า การขาดธาตุสังกะสีเป็นเหตุผลที่พบมากที่สุดของคนที่เลือกทานดิน เพื่อเสริมสร้างธาตุเหล็กและมีจำหน่ายดินขาว (ทำจากดินเหนียวสีขาว) โดยนักเคมีเพื่อใช้ในการรักษาโรคอุจจาระร่วงอีกด้วย แต่การขาดธาตุสังกะสีไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ความคิดที่จะแก้ไขเรื่อง “ไอโซโทปเชิงลบ” ยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวลเกี่ยวกับสุขภาพและยังคงต้องหาวิธีแก้ไขอยู่ดี วิลสันยังกล่าวเสริมเชื่อมโยงไปยังแฟชั่น เรื่องสุขภาพของเหล่าดาราคนดังอีกว่า “บ่อยครั้งที่มีแฟชั่นเกี่ยวกับสุขภาพมากมาย ที่มีเพียงองค์ประกอบเล็กๆ เท่านั้นที่เป็นความจริง แล้วก็กลายมาเป็นกระแสกันได้ง่ายๆ”
Shailene Woodley ดารานักแสดงของฮอลลีวู้ด คือ หนึ่งในผู้ที่เชื่อว่า “ดินเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และเราสามารถกินดินได้”
อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า การรับประทานสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายจะมีผลเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย และในดินนั้น อาจจะมีสารเคมีหรือกระทั่งสารหนูปนเปื้อนอยู่ก็เป็นได้ แต่ก็เป็นเรื่องประหลาด เมื่อพบว่าหญิงตั้งครรภ์หลายคน มักจะมีอาการอยากกินของ (สกปรก) อย่างพวก ดิน หรือ ถ่าน เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของพวกเธอต้องการแร่ธาตุนั่นเอง
ดร.ซาร่า จาร์วิส ได้กล่าวว่า “การกินดินอาจเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศที่ยังมีปัญหาด้านโภชนาการอย่างประเทศแอฟริกา แต่เป็นเรื่องง่ายมากที่จะหาทานอาหารที่เป็นประโยชน์จริงๆ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยที่ไม่ต้องผสมดินกินเข้าไปด้วยซ้ำ มันมีเส้นคั่นระหว่างความแตกต่างนี้อยู่ และคงไม่มีใครอยากทำเพียงเพราะ อยากสนุกอย่างแน่นอน
วัฒนธรรมและที่มาของการกินดิน
ในสมัยก่อน การกินดินมีส่วนเชื่อมโยงในการช่วยรักษาโรคอหิวาตกโรค และการติดเชื้อจากแบคทีเรีย สืบเนื่องมาจนถึงสมัยยุคกรีกและโรมัน ต่อมาจนถึงชาวคริสเตียน โดยเข้าใจกันว่าเป็นดินอันศักดิ์สิทธิ์และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จนขยายเกิดเป็นการค้าขายขึ้นไปยังแถบเมดิเตอร์เรเนียน และทางยุโรป เพื่อนำไปใช้ทางศาสนาและพิธีกรรมต่างๆ ทั้งยังใช้ฟื้นฟูแก้ยาพิษและโรคระบาดที่รุนแรงอีกด้วย ดินถูกมองว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์จากชาวโรมันและคาทอลิก จนถูกบันทึกให้อยู่ในตำราปรุงยารักษาโรคในปี 1848 ซึ่งทางบ้านเราก็มีการใช้ดินเหนียวในชั้นที่ลึกๆ เป็นวัตถุดิบผ่านกรรมวิธีการปรุงด้วยการเผาไฟหรืออบ จนสามารถกินได้ นิยมกินกันในหมู่ผู้สูงอายุ ผู้หญิงแพ้ท้อง ซึ่งถือว่าเป็นของขบเคี้ยวเล่นเช่นเดียวกัน
ภาพของคนกินดินมีออกมาให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ และมีการศึกษาเพิ่มเติมอย่างหลากหลาย เพื่อทำความเข้าใจว่า วัฒนธรรมเหล่านี้ให้ประโยชน์และส่งผลเสียอย่างไรกันแน่ และจากการศึกษารวมไปจนถึงหนังสือแนววารสารวิทยาศาสตร์ได้มีการระบุว่า วิวัฒนาการทางพฤติกรรมที่เริ่มจากการกินดิน เพื่อใช้ในการรักษานั้น จะเป็นปัจจัยในการพัฒนาการใช้ยาต่อไป
การกินดินในกลุ่มของผู้หญิงตั้งครรภ์
หนึ่งในกลุ่มของคนที่นิยมกินดินเพื่อสุขภาพ ที่พบมากที่สุด คือ กลุ่มผู้หญิงตั้งครรภ์ ทางตอนใต้ของซาฮาร่า (แอฟริกา) มีจำนวนของหญิงที่ตั้งครรภ์และบริโภคดินเพื่อสุขภาพถึง 28% ในแถบเทนซาเนีย และเคนย่า 65% โดยดินที่นำมาขายนั้น เป็นดินที่มีแร่ธาตุที่มาจากธรรมชาติ ซึ่งมีการบริโภคถึงวันละ 30 กรัม ต่อวัน ในฐานะของนักวิทยาศาสตร์ จึงได้ขอคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของโรค Geophagy ว่าเป็นเรื่องของความต้องการทางด้านร่างกายระหว่างตั้งครรภ์ จึงทำให้ระบบบางอย่างในร่างกายปรับตัว เพื่อให้รับได้ต่อการรับดินเข้าสู่ร่างกาย สาเหตุที่คนท้องอยากกินดิน นั่นเป็นเพราะว่าการตั้งครรภ์เป็นช่วงที่ร่างกายต้องการสารอาหารมากขึ้น และในช่วง 3 เดือนแรก จะมีความเสี่ยงเป็นอย่างมากที่จะเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ อีกทั้งจะเป็นช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อปรับให้เข้ากับทารกที่กำลังจะเกิดมา
สารอาหารที่หญิงตั้งครรภ์ต้องการมากที่สุดคือ สารอาหารจำพวกแร่ธาตุ เช่น ธาตุเหล็กและแคลเซียม เพราะจะช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตของทารก และช่วยผลิตเลือดเพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ในขณะที่ร่างกายต้องการสารอาหารเพิ่มขึ้นนั้น ก็จะมีช่วงที่เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารเกิดขึ้นด้วย ซึ่งในระยะที่ตั้งครรภ์ก็จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ที่เป็นอาการของคนแพ้ท้องตามปกติอยู่แล้ว จึงได้มีการอธิบายถึงเหตุผลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้หญิงตั้งครรภ์ที่กินดินเพื่อสุขภาพว่า
• ในดินมีแร่ธาตุจากธรรมชาติโดยตรง
• การใช้วิธีทางธรรมชาตินี้ สามารถช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้
• สารอาหารในดินสามารถช่วยปกป้องระบบทางเดินอาหารจากสารพิษได้
ข้อมูลดังกล่าวทำให้ได้รับการสนับสนุนพฤติกรรมกินดินในปัจจุบัน ซึ่งทางนักวิทยาศาสตร์เองก็ได้มีการรวบรวมข้อมูลหลักฐาน เพื่อสนับสนุนทฤษฏีนี้เพิ่มเติมเช่นกัน
“ดิน” สิ่งสกปรก หรือ สารอาหาร
นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมมติฐานว่า คนที่มีพฤติกรรมกินดินนั้น นอกจากจะมีจุดประสงค์เพื่อสุขภาพแล้ว อาจเป็นเรื่องของการปรับตัว เพื่อความอยู่รอดด้วยก็เป็นได้ เพื่อเป็นการพิสูจน์สมมติฐานข้อนี้ นายแพทย์จอห์น ฮันเตอร์ (Dr. John Hunter) นักธรณีวิทยาที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้มีการเปรียบเทียบกลุ่มคนที่กินดินในแอฟริกา และกลุ่มคนที่กินอาหารเสริมธาตุเหล็กในสหรัฐฯ ผลจากากรเปรียบเทียบปริมาณของแมกนีเซียม โพแทสเซียม ทองแดงและสังกะสี ในอาหารเสริมกับดิน ปรากฏว่าในดินมีการดูดซึมแคลเซียมมากถึง 4% และมีธาตุเหล็กสูงถึง 66%
ข้อสรุปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการบริโภคแคลเซียมโดยทั่วไปของประชากรในแอฟริกาที่บริโภคดิน และเกิดการขาดธาตุเหล็กมาถึง 80% ซึ่งเกิดจาการติดเชื้อปรสิตที่รุนแรงมากขึ้น นายแพทย์ฮันเตอร์ ยังกล่าวเสริมว่า “การบริโภคอาหารแบบปกติทั่วไปในชีวิตประจำวัน จะได้รับการตอบสนองที่ดีกว่า ส่วนการทาดินนั้น นับว่าเป็นอาหารทานเล่นเท่านั้น” ทั้งนี้ยังมีการศึกษาจากการจำลองการย่อยอาหารของหญิงที่ตั้งครรภ์ เมื่อทานดินเข้าไป พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของแร่ธาตุต่างๆ (ธาตุเหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม ทองแดง และสังกะสี) มากขึ้นถึง 20% นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า โรคโลหิตจางที่เกิดจากการขาดธาตุเหล็กนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนบริโภคดินเช่นกัน
บทสรุปสุดท้ายจากทฤษฏี “คนกินดิน”
การศึกษาจากนักมนุษย์วิทยา นักธรณีวิทยา และนักโภชนาการได้มีการสรุปว่า พฤติกรรมการกินดินของมนุษย์นั้น เริ่มมาจากยุคสมัยก่อนที่มีการคิดค้นวิธีนี้ เพื่อความอยู่รอด เพราะอย่างที่ทราบกันว่า พฤติกรรมเช่นนี้ มีสาเหตุหลักเพื่อการสร้างสุขภาพที่ดีและเพื่อช่วยล้างพิษ
Geophagy คือ โรคที่มีการบริโภคสิ่งที่ไม่ใช่อาหารเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งโรคนี้ไม่แตกต่างจากการติดยาเสพติด เพราะดินถูกนำมาดัดแปลงกลายเป็นอาหารโดยความคิดของมนุษย์ แม้จะพบว่าในอดีตจะมีการกินดินเพื่อใช้รักษาโรค แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังต้องมีการศึกษาถึงความจริงของพฤติกรรมนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตามอย่าเพิ่งอยากลอง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องแปลกหรือเป็นเทรนด์การดูแลสุขภาพตามวิธีธรรมชาตินะจ้ะ เพราะในเมืองไทยของเราก็ได้มีกรณีของคนที่กินดิน แล้วเกิดปัญหาสุขภาพตามมาอย่างนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ที่เคยออกมาเล่าถึงเหตุการณ์กินดิน หลังตรวจพบว่าตนเองเป็นไทรอยด์ ซึ่งสาเหตุมาจากดินที่ตนเองกินมีเชื้อรานั่นเอง
(Some images used under license from Shutterstock.com.)