© 2017 Copyright - Haijai.com
ไม่ออกกำลังกาย ทำหัวใจขาดเลือด
ท่านคงเคยได้ยินเรื่องคนที่นอนหลับไปแล้วไม่ตื่น หรือไหลตาย เป็นระยะๆ สาเหตุหนึ่งของการเสียชีวิตเฉียบพลันนี้เกิดจากโรคหัวใจ
ท่านทราบหรือไม่ว่า ท่านมีความเสี่ยงเป็นโรคนี้มากน้อยเพียงใด ข้อมูลจากการวิจัยหนึ่งที่เน้นศึกษาผู้เสียชีวิตเฉียบพลัน ซึ่งมีอายุระหว่าง 18-50 ปี (อายุเฉลี่ย 38+11 ปี) พบว่า มีสาเหตุจากโรคหัวใจและปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
ข้อมูลจากวารสารฉบับหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ตีพิมพ์ในปี พ.ศ.2554 พบว่า ระหว่างปี พ.ศ.2541-2551 โดยเฉลี่ยใน 1 ปี ชาวอเมริกันเสียชีวิตเฉียบพลันจากโรคหัวใจ แบ่งเป็นผู้ชายประมาณ 6-7 คน และผู้หญิง 1-2 คน ต่อประชาการทุกๆ 100,000 คน
แต่หาก แบ่งตามนิสัยการกินอาหารหวาน มัน ร่วมกับพฤติกรรมทำลายสุขภาพ เช่น ขยันนั่งทำงาน ขยันนอน แต่ไม่ขยันยืนและเดิน จนทำให้เกิดภาวะไขมันสะสมในหลอดเลือดแดง และหลอดเลือดแดงอุดตัน พบว่า ในกลุ่มคนอายุน้อยกว่า 35 ปี มีผู้เสียชีวิตจากภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตัน 1 คน ต่อประชากร 100,000 คน หากอายุเกิน 35 ปี อัตราการเสียชีวิตจะเพิ่มสูงเป็น 10 เท่าตัว โดยพบผู้เสียชีวิตประมาณ 13-14 คน ต่อประชากร 100,000 คน
ปุจฉา : มีลางบอกเหตุใดๆ หรือไม่ว่า ท่านอาจเสียชีวิตเฉียบพลันจากโรคหัวใจ
วิสัชนา : จากข้อมลที่บันทึกไว้ พบว่า ผู้เสียชีวิตร้อยละ 50 มีอาการเตือนก่อนเสียชีวิต 1 สัปดาห์ อาการที่ได้รับรายงานไว้ ได้แก่
• มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก ร้อยละ 50
• มีอาการหายใจลำบาก ร้อยละ 20
• มีอาการ หมดสติ ร้อยละ 7
ในหลายๆ กรณี อาการเตือนล่วงหน้านั้น เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันก่อนจะมีการเสียชีวิต สำหรับรายละเอียดอาการเตือนต่างๆ มีดังนี้
การเจ็บแน่นหน้าอก รู้สึกแน่นๆ หนักๆ บริเวณกลางหน้าอก อาจมีอาการร้าวไปที่คอ บ่าด้านซ้าย เหงื่อออก ใจสั่น โดยอาการเหล่านี้มักเกิดขณะทำกิจกรรมทางกายที่ต้องใช้ความเร่งรีบ เช่น เดินเร็ว วิ่งขึ้นบันได และอาการจะลดลงหรือหายไป เมื่อหยุดทำกิจกรรมเหล่านั้น แต่ในกรณีที่มีอาการรุนแรง แม้นั่ง นอน หรือหลังกินอาหาร ก็สามารถมีอาการได้
อาการวูบ หมดสติ เป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าอาการรุนแรงแล้ว แต่หากท่านมีอาการเวียนศีรษะ มึนงงบ่อยๆ ขณะทำกิจกรรมทางกายหรือหลังกินอาหร ก็เป็นสัญญาณเตือนเช่นกัน
ปุจฉา : ภาวะหัวใจขาดเลือดมักพบในกลุ่มวัยเกษียณจริงหรือไม่
วิสัชนา : จริง จากสถิติของประชากรไทย พบผู้ป่วยภาวะหัวใจขาดเลือดและภาวะอื่นๆ ที่พบร่วมกับภาวะหัวใจขาดเลือดดังนี้
ภาวะที่พบร่วม |
เบาหวาน (ร้อยละ) |
ความดันโลหิตสูง (ร้อยละ) |
ไขมันในเลือดสูง (ร้อยละ) |
อายุเฉลี่ยขณะป่วย (ร้อยละ) |
พ.ศ.2545-2547 |
44 |
64 |
75 |
65+12 |
พ.ศ.2550-2551 |
51 |
60 |
83 |
63.5+13 |
จากสถิติพบว่า อายุเฉลี่ยของประชากรไทยที่ป่วยจากภาวะหัวใจขาดเลือดลดลง และขณะเดียวกันพบว่า โรคร่วมที่เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจขาดเลือด เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง มีแนวโน้มสูงขึ้น
ปุจฉา : ควรเริ่มเฝ้าระวังการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดเมื่ออายุเท่าไร
วิสัชนา : อายุ 35 ปีขึ้นไป อัตราการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจขาดเลือดจะเริ่มมีมากขึ้น และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทุกๆ 5 ปี คนที่อายุ 35 ปีขึ้นไปในปัจจุบัน จึงมีความจำเป็นที่ต้องหันมาป้องกัน ก่อนที่จะเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด ที่อาจส่งผลให้พิการหรือเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
การป้องกันการเสียชีวิตเฉียบพลันจากโรคหัวใจในกลุ่มวัยทำงานนั้น หากอายุน้อยกว่า 35 ปี ควรมุ่งเน้นไปที่การตรวจคัดกรองและหาสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือภาวะหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด และควรเพิ่มความฟิตให้หัวใจอย่างค่อยเป็นค่อยไปในกลุ่มที่หัวใจผิดปกติ
ส่วนในกลุ่มอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ควรให้ความสำคัญในการป้องกันภาวะหลอดเลือดแดงอุดตัน ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือด (เป็นเรื่องที่ทุกท่านได้ยินมาตลอดว่า ควรงดอาหารหวาน มัน และหมั่นออกกำลังกาย แต่จะมีสักกี่คนที่จะหยุดคิดแล้วเริ่มปฏิบัติ) เพราะเมื่อเกิดปัญหาแล้ว หลายครั้งผู้ป่วยอาจไม่เสียชีวิต แต่พิการตลอดชีวิต ซึ่งจะเป็นภาระแก่ครอบครัวต่อไป
วันที่ท่านตรวจวัดความดันโลหิตและออกกำลังกายแล้วหรือยัง
นายแพทย์กรกฎ พานิช
อาจารย์ประจำสาขาวิชาเวชศาสตร์การกีฬา
วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา
(Some images used under license from Shutterstock.com.)