
© 2017 Copyright - Haijai.com
เทคโนโลยีการกระชับช่องคลอดให้ฟิตแอนด์เฟิร์ม
ปัจจุบันแสงเลเซอร์ได้ถูกพัฒนาต่อยอดให้มีความทันสมัยและประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์อย่างกว้างขวาง การใช้เลเซอร์ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อคนไข้แต่ละรายนั้น มีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้อ โดยเริ่มตั้งแต่การวินิจฉัยที่ถูกต้อง และการเลือกวิธีการรักษา การเลือกชนิดของเครื่องเลเซอร์ที่มีความเหมาะสม มาตรฐานของเครื่อง รวมถึงประสบการณ์และความชำนาญในการใช้เครื่องเลเซอร์ของแพทย์
เลเซอร์ Erbium YAG สามารถตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้หลากหลาย เช่น หลุมสิวที่เป็นปัญหาตามหลังการเกิดสิวอักเสบ ปัญหาริ้วรอย แผลเป็น รูขุมขนกว้าง การเลือกใช้หลักการของ Non-ablative Fractional Resurfacing มาใช้รักษาปรับสภาพผิว ซึ่งทำให้ได้ประสิทธิภาพการรักษาที่ดี เทียบเท่ากับเลเซอร์ชนิดทำให้มีแผลและมีแผลน้อย (Ablative and Semi-ablative Laser Resurfacing) สามารถลดผลข้างเคียงและย่นระยะเวลาพักหลังทำเลเซอร์ อีกทั้งยังลดปัญหารอยดำได้อีกด้วย
และที่น่าสนใจมากคือ การประยุกต์ใช้เลเซอร์ Erbium YAG ที่มีความยาวคลื่น 2940 นาโนเมตร เพื่อมารักษาภาวะช่องคลอดหย่อนคล้อย (Vaginal Relaxation Syndrome) แลรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Stress Urinary Incontinence) ในระดับความรุนแรงน้อยถึงปานกลางได้ผลดี จากงานวิจัยพบว่าคนไข้ ร้อยละ 95 มีความรู้สึกช่องคลอดกระชับอย่างน่าพอใจ และพบว่าคู่นอนถึงร้อยละ 85 ยืนยันถึงความรู้สึกระชับของช่องคลอดระหว่างมีเพศสัมพันธ์อย่างชัดเจน และผู้ที่มีอาการปัสสาวะเล็ดลดลงอย่างเห็นได้ชัด และการใช้รักษาโดยวิธีเลเซอร์ Erbium YAG มีระยะพักฟื้นเพียง 1 วัน คุณผู้หญิงสามารถกลับไปทำงานต่อได้ โดยไม่ต้องดูแลแผล ไม่ต้องตัดไหม จึงกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในต่างประเทศ และเริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทยในปัจจุบัน
การทำเลเซอร์ควรทำอย่างน้อย 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และหากทำต่อเนื่อง เป็นจำนวน 3-5 ครั้ง ความกระชับของช่องคลอดจะอยู่ได้นานมากกว่า 1 ปี (ทั้งนี้ขึ้นกับความถี่การใช้งานด้วย) ข้อดีของการทำเลเซอร์คือ ระยะเวลาพักฟื้นสั้น งดการมีเพศสัมพันธ์ เพียง 3 วัน เท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากการผ่าตัด ซึ่งต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 4-6 สัปดาห์
(Some images used under license from Shutterstock.com.)