© 2017 Copyright - Haijai.com
หัวใจขาดเลือด
โรคหัวใจขาดเลือดหรือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน กล้ามเนื้อหัวใจตาย-ขาดเลือด เป็นหนึ่งในห้าโรคที่เป็นสาเหตุการป่วย พิการ และตายมากที่สุดของชาวโลกและชาวไทย “โรคยาห้าโรค” ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันเลือดสูง หลอดเลือดหัวใจตีบตัน หลอดเลือดสมองตีบ-อัมพฤกษ์-อัมพาต และมะเร็ง คำขวัญของวันหัวใจโลกปีนี้ (พ.ศ.2557-2558) คือ “Heart Choices, not Hard Choices” หรือแปลเป็นไทยว่า “ทางเลือกรักษ์หทัย ไม่ยากอย่างที่คิด” เรามาลองทดสอบตนเองว่าเรารู้จักโรคหัวใจขาดเลือดมากน้อยแค่ไหน เราดูแลตนเองถูกต้องเหมาะสมมากน้อยเพียงใด
10 ปีที่ผ่านมาคนไทยเราตายจากโรคหัวใจขาดเลือดและป่วยเป็นโรคดังกล่าว “เพิ่มขึ้น เท่าเดิม หรือ ลดลง”
• A. ตายเท่าเดิม แต่ป่วยมากขึ้น
• B. ตายเพิ่มขึ้น ป่วยเพิ่มขึ้น
• C. ตายเท่าเดิม ป่วยลดลง
คำตอบคือ ข้อ A
การตายจากโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันในคนไทย มีแนวโน้มที่คงที่ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด แต่การป่วยจากโรคดังกล่าวกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นเพราะคนไทยเราเก่ง “รักษา” เมื่อเป็นโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันมากขึ้น จึงรอดตายกันมากขึ้น แต่ไม่เก่ง “ป้องกัน” เลยป่วยกันมากขึ้น และอาจเป็นเพราะเรารอดตายกันมากขึ้น เลยประมาทไม่ดูแลตนเองมากขึ้นด้วย เข้าทำนอง “ไปตายเอาดาบหน้า” หลายๆ คนเลยได้ “ตาย” สมใจก่อนวัยอันควร เพราะกล้ามเนื้อหัวใจตาย ตายแล้วตายเลย ไม่ฟื้นกลับมาอีก บางครั้งหัวใจขาดเลือดแล้วเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง ตายก่อนถึงโรงพยาบาล
สัญญาณเบื้องต้นของโรคหัวใจขาดเลือดเป็นอย่างไร
• A. เจ็บแน่นหน้าอก เรอแล้วดีขึ้น
• B. เจ็บแน่นหน้าอก กดเจ็บ นวดแล้วดีขึ้น
• C. เจ็บแน่นหน้าอกเวลาใจเต้นเร็ว เต้นแรง
คำตอบคือ ข้อ C
เวลาหลอดเลือดหัวใจตีบตัน หัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย อาการเจ็บแน่นหน้าอกจะพบได้บ่อยที่สุด ส่วนใหญ่มักแน่นกลางหน้าอก ร้าวไปที่แขนซ้ายด้านใน โดยเฉพาะเวลาใช้หัวใจทำงานมากขึ้น หัวใจจะเต้นเร็วขึ้นแรงขึ้น เช่น เวลายกของหนัก เดินขึ้นบันได วิ่ง หรือโมโห ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงยิ่งมากยิ่งต้องคิดถึงก่อน ว่าอาการที่หน้าอกเป็นโรคหัวใจขาดเลือดไว้ก่อน ส่วนอาการแน่นหน้าอก เรอแล้วดีขึ้นน่าจะเกิดจากแก๊สในกระเพาะอาหารมากเกินไป อาการเจ็บแน่นหน้าอกที่กดเจ็บ นวดๆ แล้วดีขึ้น มักเกี่ยวกับภาวะผิดปกติของกล้ามเนื้อเอ็นข้อกระดูกมากกว่าครับ
ปัจจัยเสี่ยง (ที่มีมานาน) ของโรคหัวใจขาดเลือดและปัจจัยกระตุ้น (เพิ่งมีก่อนเกิดอาการ) ให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด ได้แก่
• A. อ้วนและกินอาหารเสริม
• B. สูบบุหรี่และกินอิ่มเกินไป
• C. ไขมันในเลือดสูงและดื่มชาร้อน
คำตอบคือ ข้อ B
ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดหัวใจขาดเลือด ได้แก่ ผู้ที่เป็น “เบาหวาน ความดันฯ ไขมัน (ผิดปกติ หรือ คอเลสเตอรอลรวมสูง แอลดีแอลสูง และ / หรือเอชดีแอลต่ำ) บุหรี่ อ้วนพีมีพุง” ส่วนปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันที่พบบ่อย ได้แก่ กินอิ่มเกินไป ตีเทนนิส ยกของหนัก ดื่มกาแฟ ดีใจ เสียใจเกินไป ขณะมีเพศสัมพันธ์ (โดยเฉพาะกับชู้ กับกิ๊ก หรือกินยากระตุ้น)
โรคหัวใจขาดเลือดเป็นภัยเงียบ อยู่ๆ ก็เกิดอาการได้ทันที แล้วเราจะทำอย่างไรดี
• A. ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ดูหลอดเลือดหัวใจ
• B. เดินสายพานทดสอบ (exercise stress test)
• C. ลด ละ เลิกปัจจัยเสี่ยงโรคฯ
คำตอบคือ ข้อ C
การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือเอ็มอาร์ไอ เพื่อดูว่าหลอดเลือดหัวใจตีบหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน เป็นการบอกให้รู้ว่าการใช้ชีวิตที่ผ่านมาของเรา ปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายทำให้หลอดเลือดหัวใจเราตีบมากน้อยแค่ไหน (บอกอดีต) เช่นเดียวกับการเดินสายพาน ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะหัวใจเต้นเร็วเต้นแรง บอกภาวะหัวใจขาดเลือดใน “ปัจจุบัน” ขณะนั้นเท่านั้นว่าหัวใจเต้นเร็วเต้นแรงขนาดนี้ หัวใจขาดเลือดไหม มีอาการอะไรไหม แต่อาจไม่บอก “อนาคต” ว่าเราจะเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการทำเหตุปัจจัยใน “ปัจจุบัน” ว่าเราใช้ชีวิตอย่างไร เพิ่มหรือลดปัจจัยเสี่ยง / ปัจจัยกระตุ้นมากน้อยเพียงใด ผู้สูงอายุที่หลอดเลือดหัวใจตีบร้อยเปอร์เซ็นต์ (ตัน) ก็ไม่จำเป็นต้องมีกล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือเกิดภาวะหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน เพราะออกกกำลังกายเป็นประจำจนหัวใจสร้างหลอดเลือดฝอยมาเลี้ยงหัวใจส่วนที่ขาดเลือดแทน หรือผู้ที่ไปตรวจขณะเดินสายพานแล้ว ไม่พบหัวใจขาดเลือดก็มีโอกาสเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบตันได้ต่อมา เพราะอาจประมาทว่าตัวเองไม่มีภาวะหัวใจขาดเลือด
ดังนั้น “ตรวจสุขภาพ ดาบสองคม” อาจได้ประโยชน์จากการลด ละ เลิกปัจจัยเสี่ยง / ปัจจัยกระตุ้นด้วยตนเอง หรืออาจเกิดโทษเพราะ “ประมาท” (ถ้าตรวจว่า ปกติ) หรือ “กังวล” จนกินไม่ได้นอนไม่หลับถ้าผิดปกติไม่มากจนเกิดอาการ การลด ละ เลิก ปัจจัยเสี่ยงด้วยตนเอง จึงสำคัญที่สุดในการป้องกันภาวะหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน (พึ่งตน พึ่งธรรม)
ผศ.นพ.สมเกียรติ แสงวัฒนาโรจน์
อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือด
(Some images used under license from Shutterstock.com.)