© 2017 Copyright - Haijai.com
Q : มีความเครียดสูงมากในระยะนี้และเจ็บท้องน้อยด้านซ้ายขณะเครียดด้วยค่ะ จะเป็นอันตรายอย่างไรบ้างกับเด็กคะ?
A : การตั้งครรภ์มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนร่างกายหลายอย่าง ถ้าสตรีตั้งครรภ์ไม่ทราบถึงการเปลี่ยนแปลง อาจทำให้เกิดความกังวลหรือความเครียดได้ง่าย นอกจากนี้ความกังวลเกี่ยวกับทารกในครรภ์ว่าจะสมบูรณ์ดีหรือไม่ ล้วนทำให้สตรีตั้งครรภ์เกิดความเครียดทั้งสิ้น สตรีตั้งครรภ์ที่เกิดความเครียดไม่ทำให้เกิดความพิการต่อทารกในครรภ์ แต่มีรายงานว่าทำให้เกิดภาวะการคลอดก่อนกำหนด การเกิดภาวะทารกเติบโตช้าในครรภ์ และการให้กำเนิดทารกที่มีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ โดยความเครียดอาจทำให้สตรีตั้งครรภ์ขาดความเอาใจใส่ หรือขาดแรงจูงใจในการรับประทานอาหาร เพื่อบำรุงทารกในครรภ์ และการพักผ่อนที่น้อยลงเนื่องจากความเครียด อาการเครียดและอาการปวดท้องน้อยที่เกิดพร้อมกันอาจไม่สัมพันธ์กัน แต่ถ้าปวดท้องบริเวณลิ้นปี่ด้านซ้ายซึ่งเป็นตำแหน่งของกระเพาะอาหารอาจเป็นการปวดจากโรคกระเพาะ เพราะความเครียดจะทำให้หลั่งกรดออกมาในกระเพาะอาหารมากกว่าปกติ ส่วนการตั้งครรภ์เองทำให้การปิดของกล้ามเนื้อหูรูดระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหารปิดไม่สนิท เกิดการไหลย้อนกลับของกรด ก็จะมีอาการจุกแน่น เจ็บลิ้นปี่ได้ แต่ถ้าเจ็บท้องน้อยบริเวณหน้าขาหนีบทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นตำแหน่งของเอ็นยึดมดลูก เกิดจากการที่มดลูกขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เอ็นบริเวณนี้รับน้ำหนักมาก บอกถึงการทำกิจกรรมที่มากเกินไปในแต่ละวัน เช่น การเดิน ยืน นานๆ หรือการลุกที่ผิดท่า ทำให้เกิดอาการเจ็บบริเวณนี้ได้
Tips
1.ศึกษาการเปลี่ยนแปลงและทำความเข้าใจของระบบต่างๆ ในร่างกาย ขณะตั้งครรภ์
2.สอบถามข้อมูลจากผู้รู้ (แพทย์ ) หรือแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ (ตำราต่างๆ) เมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ และทารกในครรภ์
3.พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อย 8-10 ชั่วโมง
4.ทานอาหารครบทุกหมู่เพื่อให้เกิดความสมดุลของร่างกาย
5.ออกกำลังกายเบาๆ อย่างเหมาะสม และสม่ำเสมอ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ และการเดิน
6.งดใช้ยาคลายเครียดและยานอนหลับทุกชนิดระหว่างการตั้งครรภ์ ถ้าจำเป็นต้องใช้ควรปรึกษาแพทย์
(Some images used under license from Shutterstock.com.)