
© 2017 Copyright - Haijai.com
เทคนิคใหม่ ปลูกถ่ายเซลล์สีผิว
ปัญหาสีผิวที่ไม่เท่ากัน มักเกิดจากหลายส่าเหตุอาทิการเผชิญกับแสงแดด จนกลายเป็นผิวหมองคล้ำไม่สม่ำเสมอ ซึ่งสามารถแก้ไขและป้องกันได้ด้วย การหลบเลี่ยงแสงแดดใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์ปกป้องผิว หรือใช้เครื่องมือทางการแพทย์เข้าช่วย แต่ทั้งนี้ปัญหาของสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอนั้น แท้จริงแล้วเกิดจากปัจจุบัยหลายอย่าง ซึ่งปัจจัยที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือเรื่องของพันธุกรรม ระบบภูมิคุ้มกัน หรือเซลล์สร้างเม็ดสีผิดปกติ
เมื่อพูดถึงความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีผิดปกติ จัดอยู่ในข่ายของโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากเซลล์เม็ดสี Melanocyte ถูกทำลายทำให้เกิดเป็นรอยด่างของผิวหนัง หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “โรคด่างขาว” จากสถิติของคนไทยพบว่า 1% ของประชากร สามารถเกิดโรคนี้ได้ โดยสาเหตุของการทำลายเซลล์เม็ดสี เกิดได้จากการผิดปกติของกระบวนการสร้างเซลล์เม็ดสี ทำให้เกิดการสะสมของสารบางชนิดที่มีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์เม็ดสีได้ อีกสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากการสร้างภูมิต้านทานที่ผิดปกติ ทำให้เกิดการทำลายเซลล์เม็ดสีของตนเองขึ้น ส่วนใหญ่ของผู้ที่มีอาการด่างขาวจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงปกติ นอกจากนี้ยังสามารถพบโรคของต่อมไทรอยด์ร่วมกับโรคด่างขาวได้ด้วย โดยมีรายงานว่าอาจพบความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ได้สูงถึงร้อยละ 20 ของผู้ที่เป็นด่างขาว บางรายอาจเป็นโรคของต่อมไทรอยด์มาก่อนที่จะเป็นด่างขาว
แต่บางรายก็พบความผิดปกติของต่อมไทรอยด์หลังจากที่เป็นด่างขาวแล้ว นอกจากนี้โรคด่าวขาวยังอาจจะเกิดขึ้นจากพันธุกรรมได้ด้วย พบว่าถ้าพ่อแม่เป็นโอกาสที่ลูกจะเป็นก็มีมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีในส่วนของ เกลื้อนน้ำนม กระขาว และรอยขาวของผิวหนังที่ส่งผลให้สภาพผิวไม่สม่ำเสมอ สำหรับอาการเบื้องต้นที่สังเกตได้ คือ รอยจะปรากฏเอง เป็นวงสีขาวแบบจางๆ บางครั้ง คนไข้อาจสงสัยว่าตนเองเป็นโรคเกลื้อนหรือเปล่า แต่จะไม่มีอาการเจ็บหรือคันร่วมด้วย เมื่อนานวันเข้าจะเห็นเป็นสีขาว ขอบจัดเจน มีรูปร่างกลมหรือรี หรือเป็นทางยาวตามแนวของเส้นประสาท พบได้บ่อยที่ใบหน้า รอบตา ปาก คอ รักแร้ ศอก เข่า มือ เท้า และผิวหนังเหนือข้อ รอยดังกล่าวมีขนาดตั้งแต่จุดเล็กๆ ถึงขนาดใหญ่ปกคลุมได้เกือบทั่วตัว หรือถ้าเกิดบริเวณที่มีผมหรือขน ก็จะทำให้ผมหรือขนบริเวณนั้นขาวไปด้วย โดยลักษณะอาการสามารถแบ่งได้ 2 แบบ คือ “แบบเป็นเฉพาะที่” กับ “แบบเป็นทั่วตัว” ซึ่งความรุนแรงของขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่เป็นว่ามากน้อยเพยงใด ในส่วนของวิธีการรักษาปัจจุบันมีวิธีการรักษาหลายทาง อาทิ รักษาโดยการใช้ยาทา เช่น กลุ่ม Steroid, กลุ่ม Psoralen ซึ่งต้องใช้ร่วมกับการฉายแสง UV ร่วมด้วย, กลุ่ม Calciportiol, กลุ่ม Immunomodulators เช่น Tacrolimus หรือการรับประทานยา ซึ่งวิธีการนี้เหมาะสำรหับผู้ที่เป็นด่างขาวบริเวณกว้าง จะใช้ยากลุ่ม PSORALEN ร่วมกับการฉายแสง UV จึงจะได้ผลดี นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการฉายแสง UVB ซึ่งเป็นการรักษาที่ได้ผลดี แต่จะต้องทำการรักษาต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 1-2 ปี เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีด่างขาว บริเวณกว้าง, ด่างขาวบรเวณรอบปากและปลายมือปลายเท้าล่าสุดมีวิธีการรักษาด้วยการกระตุ้นให้สีผิวบริเวณนั้นกลับคืนมาปกติ ด้วยการปลูกถ่ายเซลล์เม็ดสี (Autologous Melanocytes Transplantation) ซึ่งเป็นการรักษาที่สามารถทำในบริเวณที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น ดังนั้น วิธีการปลูกถ่ายเซลล์สีผิว จึงจัดเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคด่างขาว โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคด่างขาวที่ไม่ตอบสนองกับการใช้ยาทาและการฉายแสง
การปลูกถ่ายเซลล์สีผิวทำได้อย่างไร
วิธีการนี้สามารถรักษาโรคด่างขาว โดยการนำผิวหนังบริเวณที่มีสีผิวปกติ มาผ่านกระบวนการสกัดแยกเซลล์ในห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง เพื่อสกัดเอาเฉพาะเซลล์สีผิว ก่อนนำไปปลูกถ่ายลงบนผิวหนังบริเวณที่เป็นด่างขาว ในอดีตผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาทาและการฉายแสง จะรักษาด้วยวิธีการปลูกถ่ายชิ้นผิวหนัง ซึ่งเป็นการนำผิวหนังบริเวณที่มีสีผิวปกติจากบริเวณหลังและก้น มาปลูกถ่ายลงบนผิวหนังที่เป็นด่างขาว โดยเทคนิคดั้งเดิมนี้ คือ การนำผิวหนังที่มีสีผิวปกติมา 1 ส่วน เพื่อปลูกถ่ายลงบนผิวหนังที่เป็นด่างขาวในอัตราส่วนที่เท่ากัน คือ 1 ส่วน เหมือนการปะผ้าที่ขาด เช่น บริเวณที่เป็นด่างขาวมีขนาด 3 ตารางเซนติเมตร ก็ต้องนำผิวหนังบริเวณที่มีสีผิวปกติขนาด 3 ตรางเซนติเมตรมาทำการปลูกถ่าย ดังนั้น ข้อจำกัด คือ ไม่สามารถทำได้ในกรณีที่รอยโรคเป็นมาก เพราะจะต้องใช้ผิวหนังที่มีสีผิวปกติในบริเวณกว้าง
ปัจจุบันมีเทคนิคใหม่ในการรักษาโรคด่างขาว โดยจะใช้วิธีการปลูกถ่ายเฉพาะเซลล์สีผิว หลักการ คือ การนำผิวหนังบริเวณที่มีสีผิวปกติมาผ่านกระบวนการสกัดแยกเซลล์ในห้องปฏิบัติการฉพาะทาง เพื่อสกัดเอาเฉพาะเซลล์สีผิว หลังจากนั้นเซลล์สีผิวจะถูกเตรียมให้อยู่ในรูปสารเหลว เพื่อนำไปปลูกถ่ายลงบนผิวหนังบริเวณที่เป็นด่างขาว โดยทำการลอกผิวหนังบริเวณที่เป็นด่างขาวออกไปก่อนการปลูกถ่าย โดยจะทำจากน้อยไปก่อน แล้วมาเพิ่มจำนวนทีหลัง ดังนั้น อัตราส่วนจะเริ่มจากขาวแล้วกลายเป็นสีที่เข้มขึ้นเรื่อยๆ ข้อดี ของวิธีนี้ คือ สามารถนำไปรักษารอยโรคบริเวณที่กว้างได้มากกว่าการปลูกถ่ายชิ้นผิวหนังแบบดั้งเดิม แต่มีข้อจำก คือ ต้องมีอุปกรณ์ที่พร้อมและมีห้องปฏิบัติการเพื่อสกัดแยกเซลล์ ด้วยวิธีนี้สีผิวจะกลัมาเป็นสีปกติในระยะเวลา 6-12 เดือน จึงจัดเป็นทางเลือกใหม่ในการักษาโรคด่างขาว โดยเฉพาะด่างขาวที่ไม่ตอบสนองกับการใช้ยาทาและการฉายแสง Ultraviolet
นอกจากนี้ยังสามารถใช้เทคนิคดังกล่าวไปรักษาโรคที่เป็นรอยขาวบางชนิดได้ด้วย เช่น ปานขาว รอยขาวจากผิวหนังที่โดนไฟไหม้ น้ำร้อนลวก รวมทั้งรอยที่เกิดจากอุบัติเหตุการปลูกถ่ายเซลล์สีผิวจัดเป็นวิธที่ปลอดภัย ไม่อันตราย เมื่อเทียบกับวิธีก่อนๆ และยังพบว่าจะได้สีผิวที่กลมกลืนและสีผิวจะเสมอกว่า หรือเกือบจะเหมือนกับสีผิวปกติ แต่ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1-10 เดือน นอกจากการรักษาโรคด่างขาว โดยการปลูกถ่ายเซลล์สีผิว อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า ผู้ที่เป็นโรคด่างขาวจะมีขนสีขาวเกิดขึ้นภายในบริเวณรอยโรคด่างขาวได้ การรักษาโรคด่างขาวโดยการปลูกถ่ายเซลล์สีผิว นอกจากจะทำให้บริเวณผิวหนังที่เป็นสีขาวกลับมาเป็นสีปกติแล้ว ยังทำให้ขนสีขาวบริเวณผิวหนังที่เป็นด่างขาวมีสีกลับมาเป็นขนสีปกติด้วยเช่นกัน โดยมีอัตรากลับคืนมาของสีขนอยู่ที่ 91%
แต่ทั้งนี้วิธีนี้ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ คือ สถานที่ที่ทำการรักษาต้องมีอุปกรณ์ที่พร้อมและมีห้องปฏิบัติการ เพื่อสกัดแยกเซลล์ ฉะนั้น ผู้คนไข้ที่มีอาการลักษณะดังกล่าวต้องศึกษาหาข้อมูลก่อนว่า สถานพยาบาลใดที่พร้อมและมีความเชี่ยวชาญเพียงพอ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเอง จะว่าไปแล้ว ความผิดปกติของเม็ดสี แท้จริงแล้วจำเป็นต้องรักษาหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของตัวบุคคล เพราะไม่ใช่โรคติดต่อและไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ก็ทำให้ผู้ที่เป็นมีความทุกข์ทรมาน ส่งผลให้เกิดความไม่ทั่นใจ และอาจมีปัญหาในการเข้าสังคม พูดง่ายๆ คือ ปัญหาอยู่ที่ความสวยงาม แต่ถ้ายุคคลใดสามารถสร้างคุณค่าให้ตัวเองได้ ยกตัวอย่างเช่น นางแบบสาวที่โด่งดังในอเมริกา ที่เธอใช้ความผิดปกติของผิวพรรณให้กลายเป็นเอกลักษณ์ของเธอ ด้วยการเป็นนางแบบและเป็นตัวแทนทูตและโฆษกของสมาคมผู้ป่วยภาวะด่างขาว แบ่งปันเรื่องราวชีวิตของเธอ จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ป่วยด่างขาวที่กำลังสิ้นหวังกับชีวิตหลายคนเลยทีเดียว
คำแนะนำเบื้องต้น หากตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดเริ่มมีวงสีขาวแบบจางๆ ขึ้นตามร่างกาย ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจดูลักษณะของรอยโรค ซึ่งอาจจะมีบางจุดที่คนไข้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แพทย์ก็จะใช้ไฟทางการแพทย์ส่องดู หากพบ จะได้รักษาอาการของโรคได้เร็วขึ้น ซึ่งการรักษาโรคด่างขาวในปัจจุบัน แพทย์จะพิจารณาว่าผู้ป่วยเป็นมากหรือน้อย ในกรณีที่เป็นไม่มากหรือเป็นบริเวณที่ปกปิดใต้เสื้อผ้าอาจไม่ต้องทำการรักษา ส่วนผู้ที่เป็นบริเวณใบหน้า คอ แขน และหลังมือ อาจใช้เครื่องสำอางช่วยในการปกปิดได้ สิ่งสำคัญคือ การหลีกเลี่ยงแดด และใช้ครีมกันแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้ง UVB และ UVA เป็นประจำ เนื่องจากเซลล์เม็ดสีที่ลดลงทำให้ผิวหนังบริเวณที่เป็นด่างขาวได้รับอันตรายจากแสงแดดได้ง่ายขึ้นกว่าปกติ
ผศ.นพ.วาสนภ วชิรมน
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง อาจารย์ประจำหน่วยโรคผิวหนัง
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
(Some images used under license from Shutterstock.com.)