Haijai.com


ปรับตนรับกับความอยากอาหาร


 
เปิดอ่าน 1748

ปรับตนรับกับความอยากอาหาร

 

 

เวลารู้สึกแย่ทีไร เป็นต้องคว้าขนมเข้าปากทั้นทีใช่มั้ย? แล้วก็มักลงโทษตัวเองด้วยการกินผัก หลังมูมมามตะกละไปแล้วรึเปล่า? เอมมา วูล์ฟ เป็นโรคอนอเร็กเซียมานาน 10 ปี และได้เรียนรู้ที่จะไว้ใจความอยากอาหารของตัวเอง จนกลายเป็นผู้ปฏิบัติการกินอย่างมีสติ เธอเชื่อในแนวทางอาหารแบบไม่รู้สึกผิด ประสบการณ์ของเธอใช้ได้กับทุกคน มาสำรวจว่าคุณเอาอารมณ์มาพัวพันกับการกินอาหารอย่างไร

 

 

ลองนึกภาพว่าคุณได้กินสิ่งที่อยากในเวลาที่อยากจะกิน โดยไม่ต้องคิดเรื่องกฏเกณฑ์อะไร ไม่คิดเรื่องแคลอรี หรืออาหารนั้นจะ “ดี” หรือ “ไม่ดี” ลองนึกภาพว่าไม่ต้องหันไปพึ่งอาหารเวลาโกรธ ซึมเศร้า หรือเบื่อหน่ายแค่กินเมื่อหิว อร่อยกับอาหารที่สามารถสนองความพึงพอใจและหยุดเมื่ออิ่ม นึกภาพคุณสั่งอาหารจากเมนูได้ โดยไม่รู้สึกผิดหรือกังวล นึกภาพว่าไม่ต้องนอนคิดคำนวณว่าวันนี้กินอาหารไปกี่แคลอรีแล้ว?

 

 

ถ้าทำได้ทั้งหมดที่กล่าวมา คุณคงเป็น 1 ในกลุ่มคนหายาก เพราะเป็นแค่ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ไม่เคยคิดเรื่องน้ำหนัก ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่แฮปปี้กับรูปร่างตัวเองและพากันไดเอตเป็นแถว การค้นคว้าล่าสุดพบว่าเมื่อปี 2556 สตรี 65% พากันไดเอต ซึ่งจัดเป็นจำนวนสูงมากที่สุดที่เคยมีมา จัดเป็นการทรมานตัวเองโดยแท้ เพราะวิธีดีที่สุดในการรักษาน้ำนหักตัวอย่างมีสุขภาพดีในระยะยาวคือ การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ การกินอาหารอย่างสมดุล และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การไดเอตแบบโหมหนัก และกฎเหล็กที่ตั้งให้ตัวเองจะทำลายจังหวะการกินตามธรรมชาติ และยังไปกระตุ้นรูปแบบความโหยหาอาหารมากขึ้นไปอีก

 

 

ความอยากอาหารแบบแฮปปี้

 

คนอังกฤษ 61% ดิ้นรนฟาดฟันกับเรื่องน้ำหนักตัว และคนอังกฤษ 13 ล้านคนมีน้ำหนักตัวเกินพิกัด หลายคนเชื่อมโยงอาหารกับความโกรธ การกินจึงกลายเป็นเรื่องของอารมณ์ความร็สึกไป

 

 

ที่จริงอาหารมีความเชื่อมโยงกับอารมณ์ความรู้สึกมานานแล้ว ความหิวกระทบอารมณ์เรา นับตั้งแต่เป็นทารกแบเบาะกินนมแม่ อาหารก็เป็นตัวแทนความรักใคร่ใส่ใจ เราทำกับข้าวเลี้ยงเพื่อนเพื่อแสดงความรัก ปรุงอาหารให้ครอบครัว ทำกับข้าวเลี้ยงวันเกิดและเทศกาลวาระสำคัญต่างๆ นับไม่ถ้วน

 

 

อาหารจัดเป็นสิ่งปลอบประโลมใจ ซึ่งก็ถือว่าโอเค เจนนิเฟอร์ ลูเดน ครูสอนเรื่องพัฒนาการส่วนบุคคลจำแนกระหว่างการกิน เพื่อสุขภาพกับการกินเพราะมีปัญหาทางอารมณ์ว่า คุณกินช็อกโกแลตชิ้นนึงเป็นอาหารปลอบใจที่แสนวิเศษ หรือกินหมดทั้งแท่งพรวดเข้าปาก โดยไม่รู้รสเพื่อพยายามปลอบใจตัวเอง

 

 

ความพยายามผิดพลาดในการปลอบใจหรือทำให้ตัวเองชาหนึบไม่รู้สึกรู้สมนี้คือตัวปัญหา การกินเพราะอารมณ์ความรู้สึกอ่อนไหว หมายถึง การใช้อาหารเป็นข้ออ้างมากกว่าใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อแก้หิว แต่กลับใบ้อาหารเป็นตัวสะกดกลั้นความเจ็บปวด หรือเป็นตัวเชียร์ตัวเอง ใช้บรรเทาความเบื่อหน่าย หรือเลี่ยงการเผชิญหน้าความชั่วร้ายในตัวเอง

 

 

การกินเพราะอารมณ์จัดเป็นวงจรอุบาทว์ หรือการพยายามลดน้ำหนักแล้วรู้สึกซึมเศร้า เหล่านี้ทำให้โหยหิวอาหารต้องห้ามจนหักใจไม่ไหว จากนั้นก็รู้สึกโกรธตัวเองที่ขาดพลังใจ สุดท้ายความหิวโหยนี้ก็จะเกิดขึ้นมาอีก

 

 

อุตสาหกรรมไดเอตถูกตราหน้าว่าอาหารเป็นความผิดบาป ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่อาหารหรือเรา ปัญหาคือเมื่อเราทำตามกฎอันเข้มงวดในการไดเอตก็พาลเมินสัญญาณความหิวตามธรรมชาติ

 

 

การกินตามอารมณ์ไม่ใช่ประเด็นสำหรับคนที่พยายามลดน้ำหนัก แต่อาหารก็ยังเป็นหนทางเลี่ยงอารมณ์สำคัญๆ แท้จริงคุณควรเอ่ยขานออกมา เราไม่มักแสดงความรู้สึกตัวเองด้วยการบอกกล่าวกับใคร เราควรกินอย่างมีสติและมีปฏิกิริยาใส่ใจกับความอยากอาหารของตัวเองมากกว่า

 

 

ใช้สัญชาตญาณ

 

เวลาหิวก็จงกินซะ กินได้ทุกอย่างไป ลืมเวลา และเมินอาหารที่คนอื่นกินไปซะ ฟังสิ่งที่ร่างกายบอก ซึ่งบางครั้งอาจเป็นข้าวจานใหญ่ หรือบางครั้งแค่สลัดชามหนึ่ง เมื่อคุณไว้ใจสัญชาตญาณตัวเองก็จะเริ่มเรียนรู้การกินอาหร เพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย ไม่ใช่ความละอาย เจ็บปวดใดๆ สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยการฝึกฝน ซึ่งตอนแรกอาจน่าหวาดหวั่นเอาการกับการไม่มีกฎเกณฑ์ในการนับแคลอรี จนรู้สึกเหมือนคุมไม่อยู่

 

 

การกินเค้กชิ้นนึงเป็นอาหารเช้า เพราะอยากกินฟังดูเหมือนความวิบัติ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ น้ำหนักคุณไม่เกินพิกัดเพราะเค้กชิ้นเล็กๆ ชิ้นเดียว เราเชื่อว่าคุณคงไม่อยากกินเค้กทุกวันหรอก เมื่อคุณรับฟังสิ่งที่ร่างกายต้องการก็จะพบว่าบางครั้งร่างกายต้องการสิ่งที่ดีกับสุขภาพ หรือบางครั้งต้องการรางวัลสักนิดสักหน่อย เมื่อไม่ปล่อยให้ตัวเองอดโซก็จะไม่โหยของอ้วนๆ กระทั่งสามารถปฏิเสธขนมที่หยิบยื่นให้ในที่ทำงานได้

 

 

คำเตือนคือบางคนพบว่าการกินตามสัญชาตญาณนั้น ยากเย็นกว่าแบบอื่นๆ มักเป็นพวกที่นิยมกินอาหารผ่านกระบวนการ ซึ่งส่วนผสมของเกลือ ไขมันและน้ำตาลทำให้สมอง หวือหวาและทำให้คุณโหยอยากกินมากขึ้นไปอีก

 

 

ถ้าคุณติดหนึบกับอาหารผ่านกระบวนการที่มีระดับน้ำตาล ไขมัน เกลือสูงก็ควรเลิกอย่างช้าๆ เริ่มจากลดน้ำตาลในชาหรือเกลือในอาหาร ต่อมรู้รสของคุณจะปรับตัวรวดเร็วและคุณจะไม่รู้สึกโหยหา แต่ประการใด

 

 

ไดเอตแบบโนไดเอต

 

การกินตามสัญชาตญาณ จัดว่าดึงดูดต่อพวกที่เบื่อหน่ายวงจรน้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ และเหมาะกับคนที่พร้อมรับผิดชอบต่อสุขภาพและน้ำหนักของตนเอง เมื่อยอมรับได้ว่าการไดเอตไม่ได้ผลและไม่มี “ยาเม็ดวิเศษ” ใดๆ เรียกว่าก้าวมาถูกทางแล้ว เมื่อรู้สึกว่าคุมตัวเองอยู่ ก็เริ่มจะรื่นรมย์กับอาหารได้อย่างสบายใจ

 

 

ด้วยเหตุนี้ การกินตามสัญชาตญาณจัดเป็นการบรรเทาความหิวและอนุญาตให้กินเพื่อเหตุผลทางด้านกายภาพแทนการกินเพราะอารมณ์อ่อนไหว คุณได้เรียนรู้ที่จะรับฟังร่างกาย ให้เกียรติความหิวของตนและสลัดความรู้สึกผิดไปไม่สับสนระหว่างความต้องการทางอารมณ์ กับความต้องการทางกายภาพ

(Some images used under license from Shutterstock.com.)