
© 2017 Copyright - Haijai.com
เทคนิคการเคลื่อนไหว เพื่อพัฒนาสมองลูกสู่ความอัจฉริยะ
การเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวภายใน หรือภายนอกร่างกาย ล้วนเป็นกิจกรรมที่สำคัญของมนุษย์ เพราะชีวิตคือการเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวจะทำให้มนุษย์มีอายุที่ยืนยาวขึ้น มนุษย์จะไม่สามารถดำรงค์ชีวิตอยู่ได้ถ้าปราศจากการเคลื่อนไหว ไม่จะเป็นการกิน การขับถ่าย การหายใจ การเดิน ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมเพื่อสนองการดำรงค์อยู่ของมนุษย์ทั้งสิ้น
การเคลื่อนไหวเป็นการทำงานของระบบประสาท ประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักคือ สมอง ( Brain ) และไขสันหลัง ( spinal cord )
สมองจะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ควบคุมการตอบสนองที่อยู่นอกอำนาจจิตใจ ( reflex ) ประกอบไปด้วยส่วนต่างๆ 3 ส่วนคือ สมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง และสมองส่วนหลัง ด้วยหลักดังกล่าว มนุษย์ก็สามารถพัฒนาสมองได้ด้วยการเคลื่อนไหว และที่สำคัญสมองมนุษย์จะพัฒนาได้ดีในช่วงตั้งแต่แรกเกิด จนถึงประมาณ 8 ขวบปี ดังนั้นในช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาของโอกาสทองที่คุณพ่อคุณแม่จะได้มีส่วนช่วยพัฒนาสมองลูก ด้วยวิธีการง่ายๆ คือฝึกให้ลูกได้ฝึกการเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบ
การเคลื่อนไหว เป็นวิธีการบริหารสมอง หรือ Brain Gym ที่จะช่วยพัฒนาให้สมองลูกเราแข็งแรง และทำงานได้อย่างสมดุลทั้งสองซีก ทั้งยังส่งผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของลูกเราให้มากขึ้น และที่สำคัญมีส่วนช่วยให้เกิดการผ่อนคลายความตึงเครียดของลูกได้เป็นอย่างดี
การเคลื่อนไหว ถือเป็นกิจกรรมการเตรียมความพร้อมให้ลูกได้เป็นอย่างดี คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้การเคลื่อนไหวเป็นกิจกรรมเสริมเพื่อพัฒนาสมองให้ลูกมีความพร้อมที่จะเรียนรู้ ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติได้อย่างมีศักยภาพในช่วงเวลาที่เหมาะสม เมื่อลูกโตขึ้น
เทคนิคการบริหารสมอง Brain Gym ด้วยการเคลื่อนไหวมีอยู่หลายวิธี แต่สำหรับในฉบับนี้จะนำเสนอเทคนิคการบริหารสมองเพื่อเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่และคุณครู หรือทุกท่านที่สนใจได้ใช้เป็นแนวทางในการบริหารสมองเด็ก คือ การยืดส่วนต่างๆ ของร่างกาย
การยืดส่วนต่างๆ ของร่างกาย ( Lengthening Movement )
การบริหารสมองด้วยการยืดส่วนต่างๆ ของร่างกาย จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านความเร็ว และความแคล่วคล่องว่องไวของสมองเด็กได้เป็นอย่างดี ทั้งยังทำให้ผ่อนคลายความตึงเครียดของสมองส่วนหน้าและส่วนหลัง การยืดส่วนต่างๆ ของร่างกายมีวิธีปฏิบัติอยู่ 3 วีธี คือ
1.การยืดกล้ามเนื้อแบบกระทำเป็นจังหวะ ( Ballistic Stretching ) เป็นการเคลื่อนไหวเป็นจังหวะซ้ำๆ โดยอาศัยการยืดและการหดตัวดึงกลับ ( Bounding ) ของกล้ามเนื้อและเอ็นส่วนที่ต้องยืด ในลักษณะที่เกินกว่ามุมการเคลื่อนไหวปกติ เช่น
1.1 ท่าดึงศอก ยืนเท้ากาง 1 หัวไหล่ ยกศอกไขว้ด้านหลังมือขวาจับข้อศอกซ้าย หายใจเข้าพร้อมกับดึงข้อศอกและเอนตัวลงทางด้านขวา ให้รู้สึกตึง และผ่านจุดตึงไปเล็กน้อย จากนั้นปล่อยกลับแล้วดึงใหม่เช่นเดิม ให้ทำเป็นจังหวะ เคลื่อนไหวซ้ำๆ กันทั้งซ้ายและขวา
2.การยืดกล้ามเนื้อแบบหยุดนิ่งค้างไว้ในจังหวะสุดท้ายของการเคลื่อนไหว ( Static Stretching ) ใช้วิธีการยืดกล้ามเนื้อจนกระทั่งสัมผัสจุดตึงตัว จะรู้สึกว่ามีอาการตึงปวดกล้ามเนื้อเกิดขึ้น พอถึงณ จุดนี้ให้ควบคุมท่าการเคลื่อนไหวหยุดนิ่งค้างไว้ประมาณ 10 – 30 วินาที แล้วให้กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกปกติ ตัวอย่างท่าที่ใช้ในการบริหารเช่น
3.การยืดกล้ามเนื้อแบบกระตุ้นการรับรู้ของระบบประสาท ( Proprioceptive Neuromuscular Facilitation ) โดยใช้วิธีการหด และคลายตัวของกลุ่มกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ในการเคลื่อนไหวโดยตรง
ท่าไขว้แขน
ท่าเตรียม ยืนไขว้ขาทั้งสองข้าง ขั้นตอนการปฏิบัติ หายใจเข้าชูแขนขึ้นแนบใบหู หายใจออกพร้อมกับโล้ตัวก้มศีรษะลงไขว้แขน แล้วหายใจเข้าชูแขนขึ้น เปลี่ยนขาทำสลับทำเช่นเดียวกัน
เทคนิคการบริหารสมองลูกด้วยการยืดตัว คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกกระทำได้ด้วยตนเอง ( Active Stretching ) โดยคุณพ่อคุณแม่ทำพร้อมอธิบายแล้วให้ลูกปฏิบัติตาม หรือคุณพ่อคุณแม่อาจจะช่วยจับลูก ( Passive Stretching ) ด้วยก็ได้ครับช่วยส่งแรงให้ลูกก็ให้ผลเหมือนกัน แต่การให้ลูกได้สังเกตแล้วปฏิบัติด้วยตนเองจะให้ผลในการพัฒนาสมองดีกว่าครับ ขอให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนโชคดีในการสอนลูกๆนะครับ
(Some images used under license from Shutterstock.com.)