Haijai.com


การตั้งครรภ์ในผู้หญิงอายุมากกว่า 35 ปี


 
เปิดอ่าน 9141

การตั้งครรภ์ในผู้หญิงอายุมาก

 

 

ในยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาวะสังคมและเศรษฐกิจ ผู้หญิงมีสิทธิและเสรีภาพมากขึ้น มีการศึกษาสูงขึ้น  สามารถทำงานเลี้ยงตัวเองได้ ทำให้ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะแต่งงานและมีบุตรเมื่ออายุมากขึ้น พบว่าใน 10 ปีที่ผ่านมา  สถิติผู้หญิงที่คลอดบุตรเมื่ออายุมากกว่า 35 ปี เพิ่มมากขึ้นถึง ร้อยละ 30-50

 

 

เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น ย่อมมีโอกาสที่จะมีโรคประจำตัวก่อนตั้งครรภ์มากกว่าผู้หญิงอายุน้อย  เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง  โรคไต  นอกจากนี้ที่สำคัญ อวัยวะภายในสตรีที่มีหน้าที่ในการตั้งครรภ์ยังมีโอกาสเกิดความผิดปกติมากกว่าอีกด้วย  เช่น มีเนื้องอกมดลูก  พังผืดในกล้ามเนื้อมดลูก เยื่อบุมดลูกงอกในเชิงกราน ช็อกโกแลตซีสต์ เป็นต้น

 

 

อายุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการตั้งครรภ์ คือ 25-30 ปี ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปี จะมีปัญหามากกว่าผู้หญิงอายุน้อย  โดยเริ่มตั้งแต่ปัญหาการตั้งครรภ์ยาก ตั้งครรภ์ช้า เนื่องจากความไม่สมบูรณ์ของเซลล์สืบพันธุ์ (ไข่) และโรคของอวัยวะภายในสตรีดังที่กล่าวมาแล้ว นอกจากนั้น เมื่อตั้งครรภ์แล้วก็มีโอกาสแท้งมากกว่าผู้หญิงอายุน้อยประมาณ 5-6 เท่า

 

 

ภาวะแทรกซ้อนที่พบในหญิงตั้งครรภ์ อายุมากกว่า 35 ปี

 

ด้านมารดา

 

 เบาหวานในขณะตั้งครรภ์  มีโอกาสพบเพิ่มขึ้น  11  เท่า

 

 

 ความดันโลหิตสูง  และภาวะครรภ์เป็นพิษ  มีโอกาสพบเพิ่มขึ้น  4  เท่า

 

 

 พบรกเกาะต่ำมากขึ้น

 

 

 การคลอดยาก และต้องผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง มีโอกาสพบเพิ่มขึ้น 3 เท่า และมีภาวะแทรกซ้อนระหว่างการคลอดมากกว่า

 

 

ด้านทารกในครรภ์

 

 คลอดก่อนกำหนด

 

 

 น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ

 

 

 มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหลังคลอด

 

 

 มีภาวะการหายใจเร็วเนื่องจากมีน้ำคั่งในปอด

 

 

 มีภาวะผิดปกติทางพันธุกรรม โครโมโซมผิดปกติ ที่พบมากคือ ดาวน์ซินโดรม ในหญิงตั้งครรภ์อายุน้อยกว่า 35 ปี จะมีโอกาสพบ  1:350 ส่วนในหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุ 40 ปี จะมีโอกาสพบ  1:70

 

 

การเตรียมตัวก่อนการตั้งครรภ์ในหญิงอายุมากกว่า 35 ปี

 

ควรจะพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายโดยละเอียด ค้นหาโรคประจำตัวที่มีผลต่อการตั้งครรภ์ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน  ตรวจภายในดูความสมบูรณ์หรือค้นหาความผิดปกติของอวัยวะภายในอุ้งเชิงกราน ตรวจเลือดคัดกรองโรคเบาหวาน ไต ตับ  และโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ตลอดจนภูมิต้านทานต่อหัดเยอรมัน และไวรัสตับอักเสบบี

 

 

ก่อนการตั้งครรภ์ควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานไม่อ้วนหรือผอมเกินไป รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่  หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง และอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง  หลีกเลี่ยงภาวะเครียดและการทำงานหนัก งดสูบบุหรี่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แนะนำให้รับประทานโฟลิคแอซิด วันละ 1 เม็ดก่อนตั้งครรภ์

 

 

การปฏิบัติตนเมื่อตั้งครรภ์ในหญิงอายุมากกว่า 35 ปี

 

เมื่อตั้งครรภ์ ควรพบแพทย์เพื่อฝากครรภ์แต่เนิ่นๆ และในระยะแรกควรระมัดระวังภาวะแท้งบุตร โดยแนะนำให้พักผ่อนมากๆ  หลีกเลี่ยงการทำงานหนักและการเดินทางไกล ตลอดการตั้งครรภ์แพทย์จะให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในด้านต่างๆ  เช่น การรับประทานอาหาร โดยจะเน้นให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวาน อาหารมัน อาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล แต่จะให้เพิ่มอาหารจำพวกโปรตีน ควบคุมน้ำหนักให้เพิ่มในเกณฑ์ปกติ คือประมาณ 12-15 กิโลกรัม ตลอดการตั้งครรภ์ นอกจากนั้นแพทย์จะตรวจเพื่อคัดกรองโรคเบาหวานและภาวะความดันโลหิตสูง(ครรภ์เป็นพิษ) เป็นระยะ ๆ

 

 

การตรวจดูความสมบูรณ์และค้นหาความผิดปกติของทารกในครรภ์

 

จะมีการตรวจอัลตราซาวด์ เริ่มตั้งแต่ อายุครรภ์ 6-8 สัปดาห์ เพื่อคำนวนอายุครรภ์และดูความเสี่ยงต่อภาวะแท้งบุตร  , การตรวจวินิจฉัยความผิดปกติทางด้านโครโมโซม จะเริ่มตรวจตั้งแต่อายุครรภ์ 11-14 สัปดาห์  โดยการตรวจอัลตราซาวด์และเจาะเลือดมารดาดูความผิดปกติของระดับสารเคมีในเลือด  สำหรับการเจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจดูโครโมโซมของเด็กในครรภ์ จะตรวจเมื่ออายุครรภ์ 18-20 สัปดาห์  การตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของทารกในครรภ์นั้น จะตรวจมากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับหญิงตั้งครรภ์และครอบครัวเป็นฝ่ายตัดสินใจ  โดยแพทย์จะให้คำแนะนำละเอียดถึงข้อดีข้อเสียของการตรวจต่างๆ ก่อนทำการตรวจทุกครั้ง

 

 

พ.ญ. สุรินทร์ทิพย์  เปี่ยมสมบูรณ์

ศูนย์สูติ-นรีเวชกรุงเทพ

(Some images used under license from Shutterstock.com.)