Haijai.com


ปิดสวิทช์สมองก่อนเข้านอน เตรียมลูกเข้านอน


 
เปิดอ่าน 2041

ปิดสวิทช์สมองก่อนเข้านอน Switch it off

 

 

ก่อนนอนนอกจากจะปิดน้ำ ปิดไฟ ปิดประตูหน้าต่างลงกลอนอย่างแน่นหนาแล้ว คุณรู้หรือไม่ว่า ความคิดหรือสมองของคนเราก็จำเป็นที่จะต้องปิดความคิดหรือหยุดเรื่องราวต่างๆ ที่ต้องเผชิญหน้ามาตลอดวันเอาไว้ เพื่อเตรียมตัวนอนหลับอย่างมีคุณภาพต่อไปให้ตลอดรอดคืน

 

 

เตรียมลูกเข้านอน

 

ก่อนจะเริ่มต้นทำสิ่งอื่นใด สิ่งแรกที่ต้องทำคือการฝึกให้เด็กๆ เข้านอนเป็นเวลา การเข้านอนตามเวลานั้นจะช่วยปรับสภาพร่างกายให้ได้จดจำเวลานอนในแต่ละวันได้ การมีตารางการนอนที่ตรงเวลาจะช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายในเวลาก่อนเข้านอนและเตรียมตัวก่อนนอนได้เพราะรู้เวลานอนที่แน่นอนแล้ว ลองทำตามขั้นตอนดังนี้

 

 

 มีสมาธิอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

 

จะว่าไปแล้วการพยายามสงบใจให้เช้านอนอย่างการนับแกะที่เคยใช้กันมา ถือเป็นการทำสมาธิก่อนที่จะเข้านอนอย่างหนึ่ง แต่การนับแกะหรือนับเลขนั้นบางทีก็ยังไม่ใช่วิธีทำสมาธิที่ดีนัก ลองมองหาทางเลือกใหม่สำหรับเด็กๆ ในการสงบใจก่อนจะนอน เช่น การนึกถึงสถานที่ผ่อนคลาย ทะเลหรือทุ่งหญ้าอย่างใดอย่างหนึ่ง หายใจลึกๆ และผ่อนคลาย

 

 

 กำจัดเรื่องที่ทำให้เครียด

 

ในระหว่างวันเด็กๆ อาจจะเจอเรื่องเครียดๆ มาไม่ต่างกับผู้ใหญ่ เช่น เรื่องการเรียน เรื่องเพื่อน หรือปัญหาความเครียดอื่นๆ ที่สะสมมาตลอดทั้งวัน สิ่งที่ต้องทำคือสลัดเรื่องเหล่านั้นทิ้งออกไปเสีย ในฐานะพ่อ แม่ การพูดคุยสื่อสารกับลูก จะทำให้คุณรู้ว่าสิ่งที่ลูกเจอมาทั้งวันคืออะไร เมื่อรู้แล้วคุณก็อาจจะช่วยผ่อนคลายและฝึกการหยุดเรื่องร้ายๆ นั้นไม่ให้มารบกวนจิตใจ

 

 

 เล่นเกมลับสมอง

 

เกมฝึกสมองที่เล่นกันอยู่บ่อยๆ อย่างซุโดคุหรือปริศนาอักษรไขว้ (Crossword) สามารถที่จะนำมาเป็นเกมเล่นก่อนนอนได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเด็กทุกคนจะได้ผลกับการเล่นเกมฝึกสมองแบบนี้ บางครั้งให้ผลที่ตรงข้ามคือเกิดความเครียด และสุดท้ายทำให้นอนไม่หลับ เพราะฉะนั้นพ่อแม่จึงมีส่วนสำคัญในการจะพิจารณาว่าเกมฝึกสมองก่อนนอน
เหมาะสมกับลูกหรือเปล่า

 

 

 ออกกำลังกายเบาๆ

 

การออกกำลังกายเบาๆ ที่ไม่ถึงกับออกเหงื่อ การวิ่งเหยาะๆ หรือการทำโยคะสามารถที่จะช่วยให้ร่างกายและกล้ามเนื้อที่ใช้งานมาทั้งวันผ่อนคลายได้ และช่วยให้ทุกๆ ส่วนของร่างกายหลับไปพร้อมๆ กับสมองด้วยเช่นกัน

 

 

 คิดถึงสิ่งดีๆ ที่ทำมาตลอดทั้งวัน

 

ลองฝึกเด็กๆ ให้จดบันทึกรายละเอียดเรื่องราวดีๆ หรือเรื่องราวประทับใจที่ทำให้เขามีความสุขหรือยิ้มได้ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา หาสมุดน่ารัก น่ารักสักเล่มวางไว้ที่หัวเตียง ฝึกเด็กๆ เขียนทุกวัน การใส่ข้อมูลดีๆ เข้าไปสมองก่อนนั้นจะช่วยให้ผ่อนคลาย จากนั้นให้ลดความกังวลในวันรุ่งขึ้นด้วยการให้เด็กๆ ลองเขียนรายการที่จะต้องทำในวันพรุ่งนี้ออกมาจะได้รู้ว่าชีวิตวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรในเบื้องต้น ที่สำคัญยังช่วยฝึกให้เด็กๆ กลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี รู้จักมองหาสิ่งดีๆ ในแต่ละวันของชีวิต

 

 

 ทานอาหารอุ่นๆ เบาๆ นมอุ่นๆ สักแก้วหรืออาหารเบาๆ ก่อนนอนจะช่วยให้ท้องไม่ว่าง เด็กบางคนจิตใจวอกแวกและนอนไม่หลับเพราะหิวในระหว่างที่เข้านอน การทานอาหารเบาๆ นอกจากจะช่วยให้อิ่มท้องแล้ว ยังถือเป็นการให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายในช่วงกลางคืนที่จะมีอุณหภูมิลดต่ำลงด้วย

 

 

ตื่นเช้าอย่างอารมณ์ดี

 

หลังจากการนอนสบายตัวสบายใจมาตลอดทั้งคืนแล้ว ถ้าอยากให้เด็กๆ สดชื่นและมีอารมณ์แจ่มใสตลอดทั้งวัน คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกได้ง่ายๆ ค่ะ ด้วยการฝึกให้ลูกพูดกับตัวเขาเองด้วยคำพูดดีๆ จะช่วยให้เด็กๆ เต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ ตลอดทั้งวัน คำพูดที่ควรฝึกให้เด็กๆ พูด เช่น วันนี้ฉันมีความสุข วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ฉันมีความสุขจังวันนี้ ความคิดแรกที่ใส่ลงไปในสมองจะติดอยู่อย่างนั้นไปตลอดทั้งวัน ไม่เชื่อให้คุณลองสังเกตดูสิคะว่าจะมีบางวันในชีวิตที่คุณเจอเรื่องแย่ๆ ตั้งแต่เช้า และดูเหมือนว่าวันนั้นทั้งวันคุณจะพบเจอแต่เรื่องร้ายๆ นั่นเป็นเพราะว่าคุณใส่ความคิดและความรู้สึกที่ไม่ดีเข้าไปไว้ในสมองนั่นเอง

(Some images used under license from Shutterstock.com.)