Haijai.com


ตรวจจอตาหรือจอประสาทตาของดวงตา


 
เปิดอ่าน 23546
 

ตรวจจอตาหรือจอประสาทตาของดวงตา

 

 

จอตา หรือจอประสาทตา (retina) เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของดวงตาก็ว่าได้ หากทุกส่วนของดวงตาเป็นปกติดี แต่จอตาผิดปกติ ก็มีโอกาสทำให้ตามองไม่เห็นได้ อีกทั้งถ้าจอตาเสียแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนจอตาใหม่ หรือหาสิ่งใดมาทดแทนได้ เราจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังใส่ใจกับดวงตาของเราให้มากขึ้น

 

 

จอตาประกอบไปด้วย เซลล์รับรู้การมองเห็น ส่งกระแสไปยังเส้นใยประสาทตา (nerve fibre layer) รวมกันเป็นเส้นประสาทตา (optic nerve) ตัวจอตาจะเป็นแผ่นบางๆ บุอยู่ภายในลูกตาที่เป็นตาขาวทั้งหมด ส่วนด้านหน้า ซึ่งเป็นตาดำหรือกระจกตาจะมีลักษณะใส เพื่อให้แสงผ่านเข้ารูม่านตาและไปกระทบกับจอตา ทำให้เรารับรู้การมองเห็นได้

 

 

การตรวจจอตาอาศัยการส่องดูจากช่องของรูม่านตา ซึ่งเราสามารถขยายรูม่านตา เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น โดยการหยอดยาขยายม่านตา ยาขยายม่านตา ยาขยายม่านตาที่นิยมใช้ ได้แก่ ยาหยอด 1% โทรปิคามายด์, 2.5% ฟีนิลอีฟริน หรือ 1% ไซโคลเพนโทเลท ยาจะมีฤทธิ์ระยะสั้นประมาณ 3-4 ซม. เท่านั้น ข้อเสียของการขยายม่านตาคือ ทำให้เกิดตาพร่ามัว ตาสู้แสงไม่ได้ อ่านหนังสือหรือทำงานไม่ได้ และเพ่งสายตาระยะใกล้ไม่ได้ อีกทั้งผู้ที่มีช่องหน้าของตาแคบ การหยอดยาขยายม่านตา อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะต้อหินเฉียบพลันได้ และในผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง การใช้ยาฟีนิลอีฟริน อาจทำให้เกิดความดันสูงจนเป็นอันตรายได้  เมื่อม่านตาขยายแล้ว เราไม่สามารถใช้ไฟส่องมองไปโดยตรงได้ เนื่องจากตาดำและแก้วตาจะทำหน้าที่กระจาย และหักเหแสงออกไป จักษุแพทย์จึงต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆ ช่วยในการมอง ได้แก่

 

 

1.การตรวจสายตาด้วยเครื่องออพธัลโมสโคปอย่างตรง (direct ophthalmoscope) เป็นเครื่องมือเหมือนไฟฉาย โดยถือส่องผ่านรูม่านตาเข้าไป โดยที่บริเวณแก้วตาและน้ำวุ้นตาต้องใส แสงจากเครื่องมือจึงจะผ่านเข้าไปได้ จอตาที่มองเห็นได้นั้น จะมีลักษณะเป็นหย่อมๆ โดยมีขนาดขยายใหญ่กว่าความเป็นจริง การมองแบบนี้จะเห็นภาพเป็นจุดๆ ไม่สามารถมองเห็นภาพแบบองค์รวมของจอตาทั้งหมดได้ อีกทั้งการส่องดูจะใช้ตาเพียงข้างเดียวในการส่อง ภาพจอตาที่มองเห็นจึงไม่เป็น 3 มิติ อีกทั้งยังไม่สามารถมองเห็นบริเวณขอบของจอตา (peripheral retina) ได้ เครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย แพทย์ทุกแขนงนิยมใช้เครื่องมือนี้ ในการตรวจจอตาและขั้วประสาทตา

 

 

2.การตรวจสายตาด้วยเครื่องออพธัลโมสโคปอย่างอ้อม (binocular indirect ophthalmoscope) โดยใช้เครื่องที่สามารถมองด้วยสองตา ร่วมกับเลนส์ที่มีกำลังขยายขนาด 20, 28, 30 ไดออปเตอร์ในการปรับภาพ ทำให้เห็นภาพจอตาเป็นวงกว้างคล้ายๆ ภาพแบบมุมนกมอง (bird eye view) มองเห็นเป็นลานกว้าง อีกทั้งภาพจอตาที่เห็นจะเป็นภาพแบบ 3 มิติ ในกรณีที่จอตาบางส่วนบวมหรือนูนขึ้นมา เครื่องนี้จะสามารถมองเห็นได้ชัดเจน แต่ภาพที่เห็นจะเป็นภาพกลับหัว ซึ่งผู้ตรวจจะต้องแปลงกลับภาพอีกที ว่าบริเวณที่เกิดความผิดปกตินั้น มีขนาดเท่าใดและเกิดในบริเวณไหน

 

 

3.การใช้กล้องจักษุจุลทรรศน์ตรวจตา ชนิดลำแสงแคบ (slit lamp) ร่วมกับเลนส์ที่วางไว้หน้าดวงตาของผู้ป่วย (คล้าย indirect ophthalmoscope) ซึ่งจะเป็นเลนส์ที่มีกำลังขยายขนาด 60, 78 หรือ 90 ไอออปเตอร์วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้ง่ายไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด หรือระคายเคืองเพราะไม่ได้มีอะไรสัมผัสที่ตาดำ

 

 

อนึ่งวิธีในข้อ 3 และ 4 หากใช้เลนส์มือถือกำลังขยายสูงๆ อาจทำให้เห็นรายละเอียดได้เฉพาะจุด เช่น ดูความหนาของจอตาในแต่ละแห่ง ดูภาวการณ์บวมของจุดรับภาพ (macular edema) บอกได้ถึงพยาธิสภาพความผิดปกติในชั้นผิวจอตา (preretina) กลางจอตา และใต้จอตาได้อย่างละเอียด หากใช้แสงสีเขียว (red-free light) ที่มีในเครื่องด้วย ก็จะสามารถเห็นหลอดเลือดเล็กๆ ตลอดจนหลอดเลือดใหญ่ (neovasular) ที่เกิดขึ้นในจอตาได้ดียิ่งขึ้น

 

 

5.การตรวจจอประสาทตา โดยการฉีดสี fluorescein หรือที่เรียกกันว่า fundus fluorescin angiography (FFA) เป็นการตรวจการไหลเวียนของเลือดในขั้วจอตา และเนื้อเยื่อโครอยด์ โดยวิธีการฉีดสี fluorescein เข้าบริเวณหลอดเลือดดำที่แขน เลือดจะพาสีเข้าสู่ร่างกายและไปออกที่จอตา หลังจากนั้นจะทำการตรวจจอตาร่วมกับการถ่ายภาพไว้ หากต้องการเน้นถึงการไหลเวียนของเลือด ในขั้วโครอยด์ในตาแล้ว การเลือกใช้สี indocyanine green จะให้รายละเอียดที่ชัดเจนกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งการฉีดสี fluorescein และ indocyanine green อาจมีผลข้างเคียงจากสีได้

 

 

6.เครื่องตรวจวิเคราะห์ภาพตัดขวางขั้วประสาทตาด้วยเลเซอร์ (Optical coherence tomography; OCT) เป็นการใช้แสงส่องเข้าไปในตาให้ได้ภาพตัดขวาง ของจอตาออกมาเป็นภาพ 2 มิติ ที่มีความละเอียด 8-10 ไมครอน และกำลังมีการพัฒนาให้ได้ภาพที่ละเอียดยิ่งขึ้นกว่านี้ การตรวจจอตาด้วยเครื่อง OCT จะแสดงให้เห็นจอตาคล้ายภาพที่ได้จากการตรวจชิ้นเนื้อ ด้วยกล้องจุลทรรศน์ภายในชั้นต่างๆ ของจอตา เช่น ภายในชั้นเยื่อบุผิวที่มีเม็ดสี ภาพที่แสดงออกมาจะเป็นสีเข้ม (แดงถึงขาว) แต่ถ้าเป็นส่วนที่อยู่กันอย่างหลวมๆ เช่น น้ำวุ้นตาหรือน้ำในจอตา จะให้ภาพออกมาสีเข้ม (น้ำเงินหรือดำ) เครื่องมือชนิดนี้ สามารถแยกการขาดเป็นรูของบริเวณจุดกลางรับภาพจอประสาทตา (macula) ว่าเป็นแบบชนิดจริง (ขาดทุกชิ้น) กับรูขาดแบบเทียม นอกจากนี้ยังสามารถเห็นรายละเอียดบริเวณรอยต่อระหว่างน้ำวุ้นตากับจุดกลางรับภาพจอประสาทตาได้อีกด้วย โดยดูว่าเกิดภาวะดึงรั้งกันอยู่หรือไม่ สามารถตรวจดูระดับของน้ำในผู้ที่เป็นโรคศูนย์กลางจอประสาทตาบวมน้ำ ว่าในระหว่างการรักษานั้น จะสามารถลดระดับน้ำได้แค่ไหน สามารถตรวจได้ถึงชั้นความหนาของจุดกลางรับภาพจอประสาทตาได้อย่างชัดเจน บอกได้ว่ามีอาการบวมผิดปกติไปแค่ไหน เป็นวิธีการตรวจที่ละเอียดมาก

 

 

7.การตรวจดูการทำงานของจอตาด้วยคลื่นไฟฟ้า (electrophysiologic test) ซึ่งแตกต่างจากวิธีการ 6 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น ที่เป็นการตรวจจอตาจากภายนอก เพื่อดูแค่รูปร่าง ขนาด และความผิดปกติ แต่วิธีการตรวจการทำงานของจอตาด้วยคลื่นไฟฟ้านี้ จะประกอบด้วย

 

 

 Electroretinogram (ERG) เป็นการตรวจการทำงานของจอตา โดยรวมว่าทำงานเป็นอย่างไร โดยการใช้แสงไฟกระตุ้น อาจตรวจในที่มืด (dark adapt) เป็นการตรวจการทำงานของเซลล์ประสาทรับแสงรูปแท่ง หรือในที่สว่าง (light adapted) เป็นการตรวจการทำงานเซลล์ประสาทรับแสงรูปกรวย ซึ่งภาพความผิดปกติที่ได้จากเซลล์ 2 แบบนี้ จะแตกต่างกัน แต่การใช้วิธีนี้จะไม่สามารถบ่งบอกถึงความผิดปกติของเส้นใยประสาทชั้นในของจอตาได้

 

 

 Electrooculogram (EOQ) เป็นการตรวจวัดคลื่นกล้ามเนื้อลูกตา ที่บ่งบอกถึงการทำงานของเซลล์ชั้นเยื่อบุผิวที่มีเม็ดสีภาพในจอตาได้

 

 

 Visually evoked potential (VEP) เป็นการวัดสัญญาณของคลื่นไฟฟ้า จากสมองในบริเวณการรับรู้การมองเห็น หลังจากได้รับการกระตุ้นที่จอตา มักใช้ในการตรวจสายตาของเด็กว่ามองเห็นหรือไม่ การตรวจโรคของจอประสาทตา การตรวจดูว่ามีความผิดปกติของประสาทตา หรือขั้วประสาทตาหรือไม่ หรือการตรวจการทำงานของจุดกลางรับภาพจอประสาทตา เป็นต้น

 

 

โดยสรุปการตรวจการทำงานของจอตาด้วย คลื่นไฟฟ้ามักจะใช้ในการตรวจ

 

 โรคจอตาเสื่อมที่เป็นมาแต่กำเนิด เช่น retinitis pigmentosa จะได้ภาพ ERG ออกมาชัดเจน

 

 

 ตรวจภาวะตาบอดกลางคืน (night blindness) ดูว่าเกิดจากโรคที่คงที่หรือโณคที่ลุกลามมากขึ้น

 

 

 ในเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถวัดสายตาได้ แต่มีการตรวจจอตาและชั้วประสาทตาเป็นปกติดี จึงต้องตรวจ VEP เพื่อช่วยวินิจฉัยให้ชัดเจนได้มากขึ้น

 

 

 ผู้ป่วยโรค best disease ซึ่ง EOG จะแสดงผลออกมาได้ชัดเจน สามารถตรวจญาติผู้ป่วยที่คาดว่าจะเป็นพาหะของโรคนี้ได้ ซึ่งยังไม่แสดงอาการออกมา

 

 

 เพื่อตรวจดูการทำงานของจอตา โดยรวมในกรณีที่ไม่สามารถตรวจโดยตรงได้ เนื่องจากเป็นโรคต้อกระจกและมีน้ำวุ้นตาขุ่น ทำให้บดบังการตรวจ เป็นต้น

 

 

จอตา เป็นบริเวณชั้นในสุดของตา ที่ถือว่ามีความสำคัญมากที่สุด เป็นบริเวณที่ทำให้คนเราสามารถมองเห็นภาพ หรือสิ่งต่างๆ ได้ ถ้าจอตาของเราเสียหายไปจะไม่สามารถทดแทน หรือใส่จอตาเทียมได้ เพราะฉะนั้น เราควรดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของเราให้ดี ไม่ให้มีผลกระทบไปถึงจอตาของเรา รวมถึงทะนุถนอมการใช้สายตาของเราไปด้วย

(Some images used under license from Shutterstock.com.)





สิวอุดตันเกิดจาก สิวฮอร์โมน คอลลาเจน สิวไขมัน สิวหัวแข็ง AviClear AviClear Laser สิวไต สิวเสี้ยน หน้าขาวใส หน้าแพ้สาร สิวข้าวสาร หน้าใสไร้สิว หน้าไหม้แดด สิวหัวขาว หน้าแห้ง อาการนอนกรน วิธีลดไขมันทั้งตัว ผิวขาว ผิวหน้า ผู้หญิงนอนกรน หน้ากระจ่างใส วิธีลดไขมันในร่างกาย หน้าเนียนใส หน้าเนียน หน้าหมองคล้ำเกิดจาก กดสิวใกล้ฉัน กดสิวเสี้ยน กดสิว หน้าใส สิวอุดตัน หน้าหมองคล้ำ สิวอักเสบ สิว สิวหัวช้าง หน้าขาว สิวขึ้นคาง สิวผด ครีมลดรอยสิว วิธีแก้การนอนกรนผู้ชาย แก้อาการนอนกรนผู้หญิง วิธีลดหน้าท้องแบบเร่งด่วน Sculpsure ลดไขมันในร่างกาย วิธีลดไขมัน ลดไขมันต้นขา สลายไขมันหน้า ไตรกลีเซอไรด์ เซลลูไลท์ วิธีแก้นอนกรน ลดไขมัน Coolsculpting ทำกี่ครั้ง Sculpsure กับ Coolsculpting นอนกรนเกิดจาก Morpheus8 สลายไขมันหน้าท้อง วิธีลดพุงผู้หญิงเร่งด่วน 3 วัน Body Slim ลดไขมันทั้งตัว วิธีลดพุงผู้ชาย Morpheus8 กับ Ulthera ลดพุงเร่งด่วน วิธีลดไขมันต้นขา ลดพุง ดูดไขมัน วิธีลดหน้าท้อง สลายไขมันด้วยความเย็น คอเลสเตอรอล วิธีลดไขมันหน้าท้อง ไขมัน วิธีลดพุงผู้หญิง Coolsculpting Elite CoolSculpting vs Emsculpt วิธีลดพุง สลายไขมันต้นขา ลดไขมันหน้าท้อง นวดสลายไขมัน ผลไม้ลดความอ้วน ลดน้ำหนักเร่งด่วน อาหารคลีน กินคลีนลดน้ำหนัก ลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน กินคีโต วิธีลดความอ้วนเร็วที่สุด อาหารลดความอ้วน วิธีลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน วิธีลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน ลดความอ้วนเร่งด่วน ผลไม้ลดน้ำหนัก อาหารเสริมลดความอ้วน วิธีลดความอ้วน เมนูลดความอ้วน วิธีการสลายไขมัน ลดความอ้วน สลายไขมัน ลดน้ำหนัก สูตรลดน้ำหนัก Exilis Elite Thermage Body ออฟฟิศซินโดรม Inbody Vaginal Lift Morpheus Pro Oligio Body IV Drip Emsella เลเซอร์นอนกรน Indiba ปากกาลดน้ำหนัก Emsculpt CoolSculpting บทความน่ารู้ บทความกระชับสัดส่วนรูปร่าง บทความดูแลรูปร่างและสุขภาพ บทความรักษาอาการนอนกรน บทความ Morpheus บทความ Coolsculpting บทความโปรแกรมดูแลผิวหน้า ข่าวและกิจกรรม romrawin รมย์รวินท์ Plinest Pico หลุมสิว เลเซอร์ฝ้า เลเซอร์ฝ้า กระ IV Weight Loss Thermage Body Pico Laser ราคา สิว กลืนบอลลูนราคา วิธีลดน้ำหนัก วิธีแก้อาการนอนกรน อาการนอนกรน บทความโปรแกรมรักษาอาการนอนกรน เลเซอร์รีแพร์ ดึงหน้าที่ไหนดี ผ่าตัดดึงหน้าราคา Thermage FLX ผ่าตัดดึงหน้า ดึงหน้าราคา ผ่าตัดดึงหน้าที่ไหนดี ดึงหน้า vs ร้อยไหม ศัลยกรรมดึงหน้าราคา เครื่องสลายไขมันด้วยความเย็น Ultraformer MPT ราคา ลดเซลลูไลท์ ฟิลเลอร์แก้มตอบราคา CoolSculpting vs Emsculpt ลดน้ำหนัก วิธีสลายไขมัน สลายไขมัน Alexandrite Laser Dynamic Tech Morpheus Pro สารเติมเต็ม ฟิลเลอร์แท้ ฟิลเลอร์ปลอม เลเซอร์ขนหน้าอก Coolsculpting vs Coolsculpting Elite Morpheus8 ราคา สลายไขมันด้วยความเย็นราคา สลายไขมันด้วยความเย็น ฟิลเลอร์ใต้ตาราคา ดึงหน้า Ultherapy Prime vs Ulthera SPT IPL เลเซอร์ขนแขน YAG Laser Diode Laser ไฮยาลูรอน ฟิลเลอร์น้องชายอันตรายไหม ฉีดสิว Emtone 1 week 1 Kilo ลดน้ำหนัก กลืนบอลลูน Exo Hair Reborn หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ดูดไขมัน ดึงหน้า ตาสองชั้น ทำตาสองชั้น เสริมจมูก ยกคิ้ว เสริมหน้าอก บทความศัลยกรรม วีเนียร์ บทความทันตกรรม Coolsculpting Fit Firm Emsculpt Coolsculpting Elite บทความลดน้ำหนัก ดีท็อกลำไส้ EIS BIO SCAN ICELAB IV DRIP ดริปวิตามิน บทความดูแลสุขภาพ Vaginal Lift P-SHOT O-Shot บทความสุขภาพเพศ Meso Hair LLLT ปลูกผมด้วยแสงเลเซอร์ ปลูกผมผู้ชาย ปลูกผมสำหรับผู้หญิง ปลูกผมถาวร ปลูกผม FUE ปลูกผม รักษาผมร่วง บทความรักษาผมร่วง ผมบาง บทความดูแลเส้นผม เลเซอร์รักแร้ขาว เลเซอร์ขน เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนน้องสาว เลเซอร์ขนหน้า เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนบราซิลเลี่ยน เลเซอร์ขนขา เลเซอร์หนวด เลเซอร์เครา เลเซอร์รักแร้ กำจัดขนถาวร เลเซอร์ขน บทความเลเซอร์กำจัดขน เลเซอร์รอยสิว Pico Laser Pico Majesty Pico Majesty Laser Reepot Laser Reepot บทความโปรแกรมหน้าใส NCTF 135 HA Rejuran Belotero Glassy Skin Juvederm Volite Gouri Exosome Harmonyca Profhilo Skinvive Sculptra vs ฟิลเลอร์ Sculptra บทความ Sculptra Radiesse บทความ Radiesse บทความฉีดหน้าใส UltraClear AviClear Laser AviClear Accure Laser Accure บทความโปรแกรมรักษาสิว ฟิลเลอร์คอ ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า ฟิลเลอร์มือ ฟิลเลอร์หน้าใส ฟิลเลอร์ร่องแก้มราคา ฟิลเลอร์ยกหน้า ฟิลเลอร์หลุมสิว หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันหายบวม หลังฉีดฟิลเลอร์ หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ยกมุมปาก ฟิลเลอร์ปากกระจับ ฟิลเลอร์ปาก 1 CC ฟิลเลอร์จมูกราคา ฟิลเลอร์กรอบหน้า ฟิลเลอร์ที่ไหนดี ฟิลเลอร์น้องสาวกี่ CC ฟิลเลอร์ราคา ฟิลเลอร์จมูก ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์แก้มส้ม ฟิลเลอร์แก้มตอบ ฟิลเลอร์น้องชาย ฟิลเลอร์น้องสาว ฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์ บทความฟิลเลอร์ ฉีดโบลดริ้วรอยหางตา ฉีดโบหางตา ฉีดโบลิฟกรอบหน้า ฉีดโบหน้าผาก ฉีดโบยกมุมปาก ฉีดโบปีกจมูก ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ฉีดโบลดกราม ฉีดโบรักแร้ ฉีดโบลดริ้วรอย ดื้อโบลดริ้วรอย บทความโบลดริ้วรอย Volnewmer Linear Z ยกมุมปาก Morpheus Morpheus8 ลดร่องแก้ม Ultraformer III Ultraformer MPT Emface Hifu ยกกระชับหน้า Ultherapy Prime Ulthera Thermage FLX BLUE Tip Thermage FLX Oligio บทความยกกระชับใบหน้า ร้อยไหมหน้าเรียว ไหมหน้าเรียว ร้อยไหมเหนียง ไหมเหนียง ร้อยไหมยกหางตา ไหมยกหางตา Foxy Eyes ร้อยไหมปีกจมูก ไหมปีกจมูก ร้อยไหมกรอบหน้า ไหมกรอบหน้า ร้อยไหมร่องแก้ม ไหมร่องแก้ม ร้อยไหมก้างปลา ไหมก้างปลา ร้อยไหมคอลลาเจน ไหมคอลลาเจน ร้อยไหมจมูก ร้อยไหม บทความร้อยไหม Apex