Haijai.com


รับมือวิกฤต เชื้อดื้อยา


 
เปิดอ่าน 2548

รับมือวิกฤต เชื้อดื้อยา

 

 

เชื้อแบคทีเรียเป็นสิ่งที่มีชีวิตขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อาศัยอยู่ตามสิ่งแวดล้อมต่าๆ ทั้งในดิน น้ำ อากาศ และภายในสิ่งมีชีวิต เชื้อแบคทีเรียบางชนิดสามารถอาศัยอยู่ภายในร่างกายของเราโดยไม่ก่อให้เกิดโทษ แต่เชื้อแบคทีเรียบางชนิดนั้น เมื่อเข้าสู่รางกายในปริมาณมาก บางครั้งอาจจะทำให้เกิดโรคติดเชื้อ เกิดการทำลายและสูญเสียการทำงานของอวัยวะในตำแหน่งที่มีการติดเชื้อนั้นๆ

 

 

เชื้อแบคทีเรียตามธรรมชาติมีหลายสายพันธุ์ ทางการแพทย์ได้จำแนะออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ แบคทีเรียที่ไม่ก่อให้เกิดโรค และแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรค เชื้อแบคทีเรียไม่ก่อโรคที่สำคัญกลุ่มหนึ่ง คือแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในร่างกายที่เรียกว่า เชื้อประจำถิ่น สามารถพบได้ตามผิวหนัง ช่องปาก โพรงจมูก ระบบขับถ่าย และอวัยวะสืบพันธุ์ ซึ่งบางสายพันธุ์ก็ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย เช่น ช่วยย่อยอาหารด้วยการหมักในลำไส้ กดการเจริญเติบโตของเชื้อชนิดที่ก่อโรค ป้องกันการติดเชื้อ เป็นต้น แต่บางครั้งเชื้อประจำถิ่นอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อฉวยโอกาสได้ ถ้าร่างกายอ่อนแอลและมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

 

 

โรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียก่อโรคที่พบบ่อย เช่น คออักเสบหรือต่อมทอนซิลอักเสบ โพรงจมูกไซนัสอักเสบ ปอดอักเสบ ท้องร่วงจากการติดเชื้อ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และการติดเชื้อในอวัยวะสืบพันธุ์ โรคเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วย “ยาต้านเชื้อจุลชีพ” ที่สามารถทำลายหรือยับยั้งการเจริญเติบโตได้เฉพาะเชื้อแบคทีเรีย แต่บ่อยครั้งมักจะเกิดความเข้าใจผิดในการใช้ “ยาต้านเชื้อจุลชีพ” ในโรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ด้วยความเข้าใจว่าคือ “ยาแก้อักเสบ” ที่สามารถรักษาอักเสบได้จากทุกสาเหตุ หรือจำเป็นต้องใช้เพื่อให้อาการต่างๆ หายเร็วขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย จากผลไม่พึงประสงค์ของยา และก่อให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยา ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น จนอาจไม่มียาที่ใช้รักษาโรคติดเชื้อในอนาคต

 

 

เชื้อแบคทีเรียดื้อยาคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร

 

เชื้อแบคทีเรียดื้อยาคือเชื้อแบคทีเรียก่อโรคที่สามารถ “ต่อต้าน” การถูกทำลาย (หรือถูกยับยั้งการเจริญเติบโต) จากยาต้านเชื้อจุลชีพ ซึ่งตามธรรมชาติเชื้อแบคทีเรียที่รอดชีวิตจากยาต้านเชื้อจุลชีพจะเรียนรู้กลไกหรือวิธีที่จะต่อต้านยาและเกิดการขยายเผ่าพันธุ์ดื้อยาต่อไป นอกจากนัยังมีการค้นพบว่าเชื้อในสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกันมีโอกาสถ่ายทอดกลไกดื้อยาให้แก่กันได้

 

 

การดื้อยาตามธรรมชาตินั้นมีโอกาสเกิดได้น้อย (ประมาณ 1 ในล้าน) แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรียดื้อยาในปัจจุบันคือการใช้ยาต้านเชื้อจุลชีพที่แพร่หลายมากขึ้นในแต่ละถิ่น รวมทั้งปัจจัยด้านการใช้ที่ผิดวิธี การใช้ยาต้านเชื้อจุลชีพที่ไม่ต่อเนื่อง หรือไม่ครบกำหนดการรักษา ยิ่งเพิ่มโอกาสให้เชื้อรอดชีวิตและกลายเป็นเชื้อดื้อยามากขึ้น

 

 

ความสำคัญของปัญหาเชื้อดื้อยา

 

ในปัจจุบันการติดเชื้อดื้อยาเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลเดิม เชื้อดื้อยาจะเกิดขึ้นจำกัด เฉพาะภายในโรงพยาบาลที่มีการใช้ยาต้านจุลชีพจำนวนมาก แต่ในปัจจุบัน เมื่อมีการใช้ยาต้านเชื้อจุลชีพชนิดใหม่และมีประสิทธิภาพสูงกันอย่างแพร่หลายในระดับชุมชน ผ่านทางร้านขายยาและคลินิกรักษาโรค ทำให้ระดับการดื้อยาสูงขึ้น จนไม่สามารถใช้ยาชนิดเดิมได้ การรักษาภายในโรงพยาบาลจึงเหลือยาเพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อดื้อยาได้ ผลการรักษาจึงไม่ดีเท่าเดิม รวมทั้งยาชนิดใหม่มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงเพิ่มมากขึ้นหรือรุนแรงยิ่งขึ้น นอกจากนี้อุตสาหกรรมการผลิตยาในปัจจุบันยังไม่มีการค้นพบยาต้านเชื้อจุลชีพชนิดใหม่ออกมาเพิ่ม จึงเป็นที่คาดกันว่า อนาคตในช่วง 10-20 ปีต่อจากนี้ อาจจหมดหนทางในการรักษาโรคติดเชื้อและอัตราการเสียชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้นไปอีก

 

 

ในเชิงเศรษฐกิจ ปัญหาเชื้อดื้อยาทำให้ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นเนื่องจากจำเป็นต้องใช้ยาใหม่ที่มีราคาแพง ประชาชนและรัฐต้องรับภาระหนักขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อดื้อยาส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ที่มีปริมาณการใช้ยามากและมีมูลค่าสูงอยู่เดิม

 

 

สถานการณ์เชื้อดื้อยาในปัจจุบัน

 

เชื้อดื้อยาที่สำคัญในชุมชน ได้แก่

 

 เชื้อสเตร็ปโตคอคคัส นิวโมเนียอี (Streptococcus pneumonia) ก่อให้เกิดโรคปอดบวม และเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เดิมเชื้อนี้มีความไวต่อยาต้านจุลชีพมาก แต่ด้วยความเข้าใจผิดว่ายาเหล่านี้เป็นยาแก้อักเสบ ที่สามารถรักษาอาการเจ็บคอ หรือแม้กระทั่งไข้หวัด น้ำมูกไหล (ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ของอาการดังกล่าว เกิดจากเชื้อไวรัสที่ร่างกายสามารถทำลายได้ และหายได้เอง โดยไม่ต้องรับประทานยา) ทำให้เชื้อสามารถต่อต้านยาต้านเชื้อจุลชีพหลายตัวที่เคยใช้ได้ผล จากการสำรวจในโรงพยาบาลศูนย์จำนวน 28 แห่ง เป็นเวลา 13 ปี (พ.ศ.2543-2556) พบว่าเชื้อดื้อต่อยาอิริทโทรมัยซิน (ยาแก้อักเสบเม็ดกลมสีชมพู) เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 28 เป็นร้อยละ 35 และดื้อต่อยาอะม็อกซี่ซิลลิน (ยาก้อักเสบแคปซูลน้ำเงิน-ฟ้า,น้ำตาล-เหลือง) เฉลี่ยเป็นร้อยละ 47 ส่วนยาเต็ตตร้า-ซัยคลิน (แคปซูลดำ-แดง๗ พบรายงานการดื้อยาตั้งแต่ก่อนปี 2543 และคาดว่ามีอัตราดื้อยาในปัจจุบันประมาณร้อยละ 60

 

 

 เชื้ออิสชีริเชีย โคไล (Esherichia coli) ซึ่งปกติเป็นเชื้อประจำถิ่นในร่างกาย อาศัยในลำไส้และช่วยย่อยอาหารบางชนิด แต่สามารถก่อโรคได้ในกรณีที่ลำไส้มีการอักเสบ เป็นแผลทะลุ ทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องท้อง หรือเชื้ออาจหลุดลอดจากทวารหนักเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะจากการทำความสะอาดที่ผิดวิธี ทำให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะและกรวยไตอักเสบได้ เดิมเชื้อจะมีความไวต่อยาต้านเชื้อจุลชีพในกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน เช่น นอร์ฟล็อกซาซิน และออฟล็ฮกซาซิน (ออ-ฟล็อก-ซา-ซิน)

 

 

อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังมีการใช้ยาในกลุ่มดังกล่าวมากขึ้น ซึ่งหลายครั้งเป็นการใช้ที่ผิด เช่น ใช้เพื่อรักษาอาการทอ้งร่วงที่เกิดจาก “พิษ” ของแบคทีเรียที่ปนเปื้อนในอาหาร ซึ่งมีอาการอาเจียน หรือถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ การใช้ยาต้านเชื้อจุลชีพในกรณีดังกล่าว จะทำให้เชื้อปลดปล่อย “พิษ” มากขึ้น ผู้ป่วยจึงอาจมีอาการมากขึ้น การรักษาอาการท้องร่วงจากพิษของแบคทีเรียจึงควรใช้การรักษาแบบประคับประคองด้วยการให้สารน้ำเกลือแร่ทดแทน และใช้ยาประเภทดูดซับสารพิษ เช่น ถ่านดูดซับ (Activated charcoal) ที่อยู่ในรูปแบบของยาเม็ดหรือแคปซูล

 

 

ผลสำรวจจากกรมควบคุมโรคปี 2550 ในกลุ่มผู้ป่วยท้องร่วงกว่า 1 ล้านราย พบว่ามีเพียงร้อยละ 1.3 หรือคิดเป็นผู้ป่วย 13 รายใน 1,000 ราย ที่ควรใช้ยาต้านเชื้อจุลชีพ เนื่องจากเข้าข่ายการติดเชื้อบิด นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้ยาซิโปรฟล็อกซาซินที่เป็นยาในกลุ่มควิโนโลนรุ่นใหม่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งยาซิโปรฟ๊อกซาซินนั้นถูกสงวนไว้ใช้สำหรับโรคปอดอักเสบติดเชื้อและวัณโรคปอดที่ดื้อยา จากผลสำรวจของศูนย์เฝ้าระวังเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติพบว่า จากปี 2543 ถึงปี 2556 เชื้ออิสชีริเชีย โคไลดื้อต่อยาซิโปรฟล็อกซาซิน เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 12 เป็นร้อยละ 27 และคาดประมาณดื้อต่อยานอร์ฟล็อกซาซินและยาออฟล็อกซาซิน คิดเป็นร้อยละ 52 และ 35 ตามลำดับ

 

 

นอกจากปัญหาดื้อต่อยาในกลุ่มฟลูออโรควิโนโลนแล้ว เชื้ออิสชีริเชีย โคไลและเชื้อในสายพันธุ์ใกล้เคียง ยังพบปัญหาการดื้อต่อยาต้านเชื้อจุลชีพในกลุ่มเซฟฟาโลสปอริน ที่เป็นยาที่ใช้ในโรงพยาบาลเป็นหลักด้วย พบว่าผู้ที่มีประวัติใช้ยาในกลุ่ควิโนโลนบ่อยครั้ง จะมีโอกาสเกิดการดื้อยาในกลุ่เซฟฟาโลสปอรินเพิ่มมากขึ้น โดยการกระตุ้นให้สร้างเอนไซม์มาทำลายยา

 

 

ปัญหาการติดเชื้ออิสชีริเชีย โคไล ที่ดื้อต่อยาในกลุ่มเซฟฟาโลสปอริน มีความสำคัญในการรักษาภายในโรงพยาบาล เนื่องจากยาต้านเชื้อจุลชีพที่ใช้รักษาได้เหลือเพียงกลุ่มคาร์บาพีเนม ซึ่งเป็นยากลุ่มสุดท้ายที่มีอยู่ และพบว่าอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อดังกล่าว ในกระแสเลือดสูงเป็นอันดับหนึ่ง ในการติดเชื้อทุกชนิดของผู้ป่วยเบาหวาน

 

 

การป้องกันเชื้อแบคทีเรียดื้อยาในระดับประชาชน

 

การป้องกันการเกิดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาสามารถกระทำได้ด้วยการลดการใช้ยาต้านเชื้อจุลชีพที่ไม่จำเป็น ทำความเข้าใจว่ายาต้านเชื้อจุลชีพไม่ใช่ยาแก้อักเสบ และยาต้านเชื้อจุลชีพรักษาได้เฉพาะโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ซึ่งแพทย์หรือเภสัชกรจะช่วยท่านในการจำแนกว่าโรคหรือภาวะที่ท่านเป็นนั้น เกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรืไม่ จำเป็นต้องใช้ยาต้านเชื้อจุลชีพหรือไม่ และมีแนวทางในการรักษาอย่างไร

 

 

การรักษาด้วยยาอาจเห็นผลเร็วกว่าการทำให้ร่างกายแข็งแรงเพื่อต่อสูกับโรค แต่การใช้ยาอาจทำให้เกิดผลที่ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงต่อร่างกาย  ขณะที่การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงจะเป็นการป้องกันโรคภัยในระยะยาว การใช้ยาจึงควรใช้ตามความจำเป็น และควรศึกษาถึงประโยชน์และโทษของยาก่อนใช้ทุกครั้ง

 

 

ท่านสามารถปรึกษาเรื่องการใช้ยาและแผนการสร้างเสริมสุขภาพได้ จากเภสัชกรใกล้ตัวท่าน

(Some images used under license from Shutterstock.com.)





ลดไขมันในร่างกาย วิธีลดไขมัน ลดไขมันต้นขา สลายไขมันหน้า ไตรกลีเซอไรด์ เซลลูไลท์ วิธีแก้นอนกรน ลดไขมัน Coolsculpting ทำกี่ครั้ง Sculpsure Sculpsure กับ Coolsculpting นอนกรนเกิดจาก Morpheus8 สลายไขมันหน้าท้อง วิธีลดพุงผู้หญิงเร่งด่วน 3 วัน Body Slim ลดไขมันทั้งตัว วิธีลดพุงผู้ชาย Morpheus8 กับ Ulthera ลดพุงเร่งด่วน วิธีลดไขมันต้นขา ลดพุง ดูดไขมัน วิธีลดหน้าท้อง สลายไขมันด้วยความเย็น คอเลสเตอรอล วิธีลดไขมันหน้าท้อง ไขมัน วิธีลดพุงผู้หญิง Coolsculpting Elite CoolSculpting vs Emsculpt วิธีลดพุง สลายไขมันต้นขา ลดไขมันหน้าท้อง นวดสลายไขมัน ผลไม้ลดความอ้วน ลดน้ำหนักเร่งด่วน อาหารคลีน กินคลีนลดน้ำหนัก ลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน กินคีโต วิธีลดความอ้วนเร็วที่สุด อาหารลดความอ้วน วิธีลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน วิธีลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน ลดความอ้วนเร่งด่วน ผลไม้ลดน้ำหนัก อาหารเสริมลดความอ้วน วิธีลดความอ้วน เมนูลดความอ้วน วิธีการสลายไขมัน ลดความอ้วน สลายไขมัน ลดน้ำหนัก สูตรลดน้ำหนัก Exilis Elite Thermage Body ออฟฟิศซินโดรม Inbody Vaginal Lift Morpheus Pro Oligio Body IV Drip Emsella เลเซอร์นอนกรน Indiba ปากกาลดน้ำหนัก Emsculpt CoolSculpting บทความดูแลรูปร่างและสุขภาพ บทความกระชับสัดส่วนรูปร่าง บทความน่ารู้ romrawin รมย์รวินท์ IPL เลเซอร์ขนแขน YAG Laser Diode Laser ไฮยาลูรอน ฟิลเลอร์น้องชายอันตรายไหม ฉีดสิว Emtone 1 week 1 Kilo ลดน้ำหนัก กลืนบอลลูน Exo Hair Reborn หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ดูดไขมัน ดึงหน้า ตาสองชั้น ทำตาสองชั้น เสริมจมูก ยกคิ้ว เสริมหน้าอก บทความศัลยกรรม วีเนียร์ บทความทันตกรรม สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting Fit Firm Emsculpt สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting Elite บทความลดน้ำหนัก ดีท็อกลำไส้ EIS BIO SCAN ICELAB IV DRIP ดริปวิตามิน บทความดูแลสุขภาพ Vaginal Lift P-SHOT O-Shot บทความสุขภาพเพศ Meso Hair LLLT ปลูกผมด้วยแสงเลเซอร์ ปลูกผมผู้ชาย ปลูกผมสำหรับผู้หญิง ปลูกผมถาวร ปลูกผม FUE ปลูกผม รักษาผมร่วง บทความรักษาผมร่วง ผมบาง บทความดูแลเส้นผม เลเซอร์รักแร้ขาว เลเซอร์ขน เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนน้องสาว เลเซอร์ขนหน้า เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนบราซิลเลี่ยน เลเซอร์ขนขา เลเซอร์หนวด เลเซอร์เครา เลเซอร์รักแร้ กำจัดขนถาวร เลเซอร์ขน บทความเลเซอร์กำจัดขน เลเซอร์รอยสิว Pico Laser Pico Majesty Pico Majesty Laser Reepot Laser Reepot บทความโปรแกรมหน้าใส NCTF 135 HA Rejuran Belotero Glassy Skin Juvederm Volite Gouri Exosome Harmonyca Profhilo Skinvive Sculptra vs ฟิลเลอร์ Sculptra บทความ Sculptra Radiesse บทความ Radiesse บทความฉีดหน้าใส UltraClear AviClear Laser AviClear Accure Laser Accure บทความโปรแกรมรักษาสิว ฟิลเลอร์คอ ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า ฟิลเลอร์มือ ฟิลเลอร์หน้าใส ฟิลเลอร์ร่องแก้มราคา ฟิลเลอร์ยกหน้า ฟิลเลอร์หลุมสิว หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันหายบวม หลังฉีดฟิลเลอร์ หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ยกมุมปาก ฟิลเลอร์ปากกระจับ ฟิลเลอร์ปาก 1 CC ฟิลเลอร์จมูกราคา ฟิลเลอร์กรอบหน้า ฟิลเลอร์ที่ไหนดี ฟิลเลอร์น้องสาวกี่ CC ฟิลเลอร์ราคา ฟิลเลอร์จมูก ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์แก้มส้ม ฟิลเลอร์แก้มตอบ ฟิลเลอร์น้องชาย ฟิลเลอร์น้องสาว ฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์ บทความฟิลเลอร์ ฉีดโบลดริ้วรอยหางตา ฉีดโบหางตา ฉีดโบลิฟกรอบหน้า ฉีดโบหน้าผาก ฉีดโบยกมุมปาก ฉีดโบปีกจมูก ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ฉีดโบลดกราม ฉีดโบรักแร้ ฉีดโบลดริ้วรอย ดื้อโบลดริ้วรอย บทความโบลดริ้วรอย Volnewmer Linear Z ยกมุมปาก Morpheus Morpheus8 ลดร่องแก้ม Ultraformer III Ultraformer MPT Emface Hifu ยกกระชับหน้า Ultherapy Prime อัลเทอร่า Ulthera Thermage FLX BLUE Tip Thermage FLX Oligio บทความยกกระชับใบหน้า ร้อยไหมหน้าเรียว ไหมหน้าเรียว ร้อยไหมเหนียง ไหมเหนียง ร้อยไหมยกหางตา ไหมยกหางตา Foxy Eyes ร้อยไหมปีกจมูก ไหมปีกจมูก ร้อยไหมกรอบหน้า ไหมกรอบหน้า ร้อยไหมร่องแก้ม ไหมร่องแก้ม ร้อยไหมก้างปลา ไหมก้างปลา ร้อยไหมคอลลาเจน ไหมคอลลาเจน ร้อยไหมจมูก ร้อยไหม บทความร้อยไหม Apex