
© 2017 Copyright - Haijai.com
หน้าอกใหญ่ไปทำไงดี
ผู้หญิงเราถ้าใครมีหน้าอกที่อิ่มฟู เต่งตึง มีขนาดเหมาสมกับรูปร่าง ก็นับว่าเป็นหน้าอกที่สวยงาม และถ้าผู้หญิงคนไหนมีไซส์ที่อวบอึ๋ม หน้าอกใหญ่กว่าชาวบ้านทั่วไปก็มักจะเป็นที่น่าสนใจและสะดุดตา เพิ่มเสน่ห์ให้ทรวงอกน่ามอง สาวไทยส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาหน้าอกเล็ก อกไข่ดาว หรือไม่มีหน้าอกมากกว่า ดังนั้น เราจึงได้ยินข่าวคราวการเสริมหน้าอกกันจนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ยังมีผู้หญิงอีกกลุ่มหนึ่งที่มีปัญหาหน้าอกใหญ่เกินไป จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและความมั่นใจ ทำให้คุณภาพชีวิตลดลง ซึ่งในกรณีนี้สามารถทำการผ่าตัดลดขนาดของเต้านม เพื่อให้เต้านมมีขนาดที่ใกล้เคียงกับคนทั่วไปได้
ถึงแม้ว่าโดยส่วนใหญ่ผู้หญิงไทยจะมีปัญหาหน้าอกเล็กหรือไม่ค่อยมีหน้าอกมากกว่า แต่ก็ยังมีผู้หญิงอีก 10-15 เปอร์เซ็นต์ที่อ้วนมากๆ อาจเกิดจากเนื้องอก หรือเป็นลักษณะของกรรมพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องเต้านมคล้อย หย่อนยานอีกด้วย ถามว่าสาวไทยนิยมผ่าตัดลดขนาดเต้านมมากน้อยแค่ไหน คำตอบก็คืออาจจะไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก เพราะอย่างที่กล่าวมาข้างต้นคือ ส่วนใหญ่จะมีปัญหาหน้าอกเล็กมากกว่า อีกปัจจัยหนึ่งก็คือการผ่าตัดลดขนาดเต้านมจะมีแผลเป็นค่อนข้างเยอะ ซึ่งคนไทยมักเกิดรอยแผลเป็นได้ง่าย แต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติจะพบปัญหาเต้านมใหญ่ได้มากว่า ในบางรายมีขนาดใหญ่จนทำให้เกิดอาการปวดหลัง ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากอาหารที่รับประทาน สรีระที่ส่งเสริมให้มีหน้าอกขนาดใหญ่มากกว่าผู้หญิงไทย ไลฟ์สไตล์ที่ไม่ค่อยสวมเสื้อชั้นใน จึงทำให้มีปัญหาในเรื่องหน้าอกใหญ่ร่วมกับหน้าอกหย่อนคล้อย รวมทั้งกระบวนการหายของแผลเป็นค่อนข้างดี จึงนิยมเข้ารับการผ่าตัดลดขนาดเต้านมมากกว่า
เต้านมใหญ่ผิดปกติ (Breast hypertrophy)
ลักษณะของผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่โตมโหฬารกว่าชาวบ้านทั่วไปนี้ เรียกว่า “เต้านมใหญ่ผิดปกติ” (Breast hypertrophy) ที่เกิดได้ตั้งแต่ในวัยสาวหรือวัยกลางคน และอาจเกิดหลังจากให้นมบุตร เต้านมที่ใหญ่มากเกินไป สามารถวัดได้จากขนาดของเสื้อชั้นใน คนที่หน้าอก Cup D และ E จะมีขนาดของเส้นรอบอกกับเส้นรอบหัวนม ที่วัดได้ไม่สมดุลกันน้ำหนักของเต้านมแต่ละข้างมากกว่า 1.5 กิโลกรัม ทำให้มีอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าคุณมีเต้านมที่ใหญ่มากเกินไปแล้ว แต่ถ้าผู้หญิงคนไหนมีน้ำหนักของเต้านมแต่ละข้างมากกว่า 2.5 กิโลกรัม เรียกว่า Gigantomastia ถือเป็นโรคหรือความผิดปกติที่รุนแรงมากขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการรักษา
การมีเต้านมที่ขนาดใหญ่มากๆ โดยส่วนใหญ่จะทำให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดไหล่ เพราะน้ำหนักของเต้านมที่มาก ซึ่งอาจมีน้ำหนักถึง 1 กิโลกรัม ในแต่ละข้างนั่น เท่ากับว่าจะต้องแบกรับน้ำหนัก 2 กิโลกรัมไว้ตลอดเวลา และยังทำอะไรก็ไม่คล่องตัว ไม่ว่าจะลุกนั่งยืนนอน ต้องคอยระมัดระวังเต้านมที่มีขนาดใหญ่จะมีรอยพับ ทำให้เกิดความอับชื้นบริเวณรอยพับและใต้ราวนม อาจทำให้เกิดเชื้อราและมีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบได้ค่อนข้างมากเช่นกัน รวมถึงผิวหนังบริเวณหน้าอกถูกยืดออกทำให้เกิดรอยแตกลาย และผิวหนังบางลง นอกจากนี้ยังไม่มีขนาดของเสื้อชั้นในที่พอดี เนื่องจากเสื้อชั้นในที่วางจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาดโดยส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก เต้านมใหญ่ยังทำให้ผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกเขินอาย จึงต้องคอยห่อไหล่หรือสวมเสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ ไม่เน้นสรีระเพื่อปกปิดความใหญ่โตเต้านมทำให้เสียบุคลิกและขาดความมั่นใจในตัวเอง
การผ่าตัดลดขนาดเต้านม
การผ่าตัดลดขนาดเต้านม (Reduction mammoplasty) เป็นการทำศัลยกรรมที่คล้ายกับการยกกระชับหน้าอก ทำการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีหลักการในการผ่าตัด คือ (1) ลดเนื้อเยื่อเต้านมโดยการวัดและตัดเนื้อเต้านมออก (2) ตัดผิวหนังส่วนเกินและเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อย (3) จัดวางตำแหน่งของหัวนมและปรับแต่งรูปทรงของเต้านมที่เหลือให้เหมาะสมกับรูปร่างของผู้ป่วย
โดยส่วนใหญ่ปัญหาหน้าอกที่มีขนาดใหญ่มักจะมาคู่กับปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย การผ่าตัดลดขนาดเต้านม จึงมักจะต้องทำควบคู่ไปกับการยกกระชับเต้านมขึ้นไปด้วย ซึ่งต้องประเมินหลายอย่างร่วมกันทั้งเรื่องของขนาดของฐานหน้าอก ลักษณะของเนื้อหน้าอก ลักษณะของหน้าอก ความกว้างของเต้านม สัดส่วนรูปร่าง สิ่งสำคัญในการผ่าตัดคือศัลยแพทย์จะต้องระวังในเรื่องของประสาทรับความรู้สึก การประเมินไม่ให้เต้านมเกิดการหย่อนคล้อยหลังจากที่ลดขนาดไปแล้วเป็นสำคัญ การผ่าตัดโดยส่วนใหญ่แผลผ่าตัดจะซ่อนอยู่บริเวณรอบปานนมและใต้ราวนม ขึ้นอยู่กับลักษณะของผู้ป่วยและความชำนาญของศัลยแพทย์
โดยทั่วไปแผลผ่าตัดจะมี 2 ลักษณะ ได้แก่ (1) แผลรอบปานนม ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีขนาดเต้านมไม่ใหญ่มาก เนื้อหน้าอกไม่ได้มีเยอะมาก ผิวหนังไม่หย่อนยานเกินไป วิธีนี้จะซ่อนรอยแผลเป็นได้ดี แผลผ่าตัดยุบเร็ว คนไข้ฟื้นตัวเร็ว (2) แผลรอบปานนม รูป T Scar ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีขนาดเต้านมค่อนข้างใหญ่ถึงใหญ่มาก และมีผิวหนังเกินมาก การตัดเฉพาะเนื้อเต้านมออกจะทำให้ผิวหนังเหลือและห้อยลงมา ดังนั้น จึงต้องทำการตัดเนื้อเต้านมออกและตัดผิวหนังที่เกินออก แล้วจัดวางหัวนมและปานนมให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม จากนั้นจึงเย็บให้เรียบ
การผ่าตัดลดขนาดเต้านมต้องทำโดยการดมยาสลบ โดยก่อนการผ่าตัดจะมีการตรวจร่างกาย ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เอ็กซ์เรย์ปอด การตรวจเลือด การตรวจเต้านม การตรวจทางรังสีของเต้านม (Mammogram) เพื่อตรวจหามะเร็งเต้านมก่อนทำการผ่าตัด เป็นการคัดกรอง (Screening) ถึงความผิดปกติก่อนทำการผ่าตัด ในวันผ่าตัดศัลยแพทย์จะทำการวัดขนาดเต้านม ประเมินว่าผู้ป่วยอยากได้หน้าอกเล็กขนาดไหน ปริมาณเนื้อที่ต้องตัดออก และวาดตำแหน่งที่จะผ่าตัด ซึ่งต้องมีการย้ายตำแหน่งหัวนมที่จะต้องเลื่อนให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปกติ และแผลผ่าตัดที่จะใช้ในการผ่าตัด การลดขนาดของเต้านมจะไม่สามารถตัดเนื้อเต้านมเฉพาะด้านล่างได้ จึงต้องออกแบบเต้านมส่วนที่เหลือให้ได้รูปทรงที่เหมาะสมกับรูปร่างของผู้ป่วย โดยส่วนใหญ่จะเหลือเต้านมด้านบนไว้อยู่ และมีการตัดเนื้อเต้านมด้านล่างออกไปบางส่วน จากนั้นจึงทำการเย็บเต้านมส่วนที่เหลือให้อยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็น เพื่อลดปัญหาการคล้อยของหน้าอกหลังจากการผ่าตัด เมื่อทำการผ่าตัดเสร็จแล้วจึงทำการเย็บปิดแผล ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 3-5 ชั่วโมง ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดลดขนาดเต้านม เหมือนกับการผ่าตัดทั่วไปที่ใช้วิธีการดมยาสลบ เช่น โรคแทรกซ้อนระหว่างดมยาสลบ แผลติดเชื้อ แผลผ่าตัดแยก อาจมีเนื้อตาย มีอาการชาที่หัวนม หัวนมตายบางส่วนหรือทั้งหมด เกิดรอยแผลเป็นบริเวณรอยแผลผ่าตัด การทำศัลยกรรมหน้าอกไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดลดขนาดหรือเสริม สิ่งสำคัญที่ศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดจะต้องระวังคือ ประสาทรับความรู้สึกยังต้องคงอยู่หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นไปแล้ว
การพักฟื้นหลังผ่าตัด
ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดลดขนาดเต้านมจะใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นประมาณ 2-3 เดือน โดยแผลจะเริ่มเข้าที่ประมาณ 1 เดือนขึ้นไป หลังการผ่าตัดในช่วง 2 สัปดาห์แรก อาจยังมีเรื่องของการเจ็บ อาการปวดแผลผ่าตัด อาจมีน้ำเหลืองค้าสงอยู่ประมาณ 3-5 วัน จึงต้องมีการใส่สายระบายน้ำเหลือง ช่วงนี้ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ เพราะผู้ป่วยจะยังคงรู้สึกเจ็บแผล จากนั้นอาการต่างๆ จะค่อยๆ ดีขึ้น ประเด็นสำคัญหลังการผ่าตัดคือการดูแลเรื่องแผลเป็นและป้องกันการหย่อนคล้อย เนื่องจากการผ่าตัดลดขนาดจะทำให้แผลค่อนข้างตึงจึงต้องดูแลเรื่องแผลเป็นพิเศษ หลังผ่าตัดผู้ป่วยควรใส่บราหรือเสื้อชั้นในซัพพอร์ทหน้าอกโดยเฉพาะ การใส่เสื้อชั้นในที่เหมาะสมจะสามารถซัพพอร์ทโครงสร้างหรือลดการหย่อนคล้อยของหน้าอกได้ค่อนข้างมาก รวมทั้งการใส่เสื้อชั้นในระหว่างนอนหลับ ก็ช่วยลดโอกาสการเกิดความหย่อนคล้อยลงได้ ส่วนปัญหาเรื่องที่หน้าอกจะกลับมามีขนาดใหญ่มากขึ้นอีกหรือไม่ กรณีนี้พบได้ค่อนข้างยาก หากน้ำหนักตัวไม่ได้เพิ่มขึ้นมาประมาณ 10-20 กิโลกรัมขึ้นไป
เสริมมาใหญ่เกินไปอยากลดให้เล็กลงทำอย่างไร
สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงตัดสินใจเสริมหน้าอกคือ (1) หน้าอกแบนราบ ไม่มีหน้าอก (2) หน้าอกหย่อนคล้อย อยากให้อิ่มฟู พบในกลุ่มคนที่เริ่มมีอายุ หญิงหลังคลอด หรือกลุ่มคุณแม่ ซึ่งทั้งสองปัญหาสามารถแก้ไขให้หน้าอกอิ่มเต็มขึ้นได้ ด้วยการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน ข้อแตกต่างระหว่างผู้หญิงสองกลุ่มนี้คือการเลือกทรงของซิลิโคน ในกลุ่มผู้หญิงที่หน้าอกคล้อย อาจต้องมีการประเมินก่อนทำการผ่าตัดอีกครั้ง แต่โดยส่วนใหญ่หน้าอกคล้อยแพทย์มักจะแนะนำให้เสริมทรงหยดน้ำ แต่สำหรับกลุ่มผู้หญิงที่ไม่มีหน้าอกสามารถเลือกทรงที่จะเสริมได้ตามความพึงพอใจ หากเลือกซิลิโคนทรงกลมก็จะทำให้มีเนินหน้าอก ซิลิโคนทรงหยดน้ำทำให้ดูเป็นธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่ผู้หญิงไทยมักนิยมเสริมขนาดประมาณ Cup C (300-350 ซีซี) การเลือกทรงของซิลิโคนนอกจากความพึงพอใจแล้ว ยังต้องขึ้นอยู่กับขนาดของฐานหน้าอก ลักษณะของเนื้อหน้าอก ลักษณะของหน้าอก ความกว้างของเต้านมสัดส่วนรูปร่าง ซึ่งแต่ละคนก็จะพิจาณาแตกต่างกันออกไป ปัจจุบันเนื้อซิลิโคนได้ถูกพัฒนาไปมาก จึงทำให้มีความเป็นธรรมชาติ คล้ายคลึงกับเต้านมธรรมชาติมากขึ้น หากร่วมกับการนวดดูแลอย่างดีหลังผ่าตัด ก็จะทำให้ซิลิโคนนิ่มดูเป็นธรรมชาติ รวมทั้งแผลเป็นก็ทำให้เนียนสวยเหมือนเต้านมจริงมากขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น ความนิยมในการเสริมหน้าอกในปัจจุบัน สาวๆ มักนิยมเสริมให้มีไซส์ใหญ่ๆ เข้าไว้ เพื่อเป็นการเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดทุกสายตา แต่การเสริมซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่มากเกินไป สำหรับผู้ที่มีผิวหน้าอกเดิมน้อย ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาซิลิโคนจะไปยืดเนื้อทำให้ผิวหนังบางขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น อาจเกิดปัญหาคลำเจอขอบซิลิโคนได้ ทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ หลังจากเสริมไปแล้วอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนค่อนข้างมาก ดังนั้น ควรเลือกขนาดที่เหมาะสม จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า หากสาวๆ คนไหนที่เสริมมาแล้ว แต่มีขนาดใหญ่มากเกินไป และอยากลดให้เล็กลงอย่างเหมาะสม ก็สามารถทำการผ่าตัดแก้ไขได้ โดยการผ่าตัดนำซิลิโคนเดิมออกก่อน พักหน้าอกสักระยะหนึ่ง แล้วจึงกลับมาผ่าตัดเสริมซิลิโคนขนาดใหม่เข้าไปอีกครั้ง สิ่งสำคัญก็คือช่วงระยะเวลาในการพักหน้าอก เนื่องจากการเสริมหน้าอกจะทำให้เนื้อเยื่อถูกยืดออกไปมาก หากเสริมซิลิโคนที่มีขนาดเล็กกว่าเดิมเข้าไปใหม่ในทันที ก็จะทำให้หน้าอกไม่ได้รูป อาจพบปัญหาการคล้อยของหน้าอกค่อนข้างมาก จึงต้องให้หน้าอกได้รับการพักฟื้นเป็นเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปีขึ้นไป เพื่อให้เนื้อเยื่อหดตัวกลับมามากขึ้น แต่หากยังหดกลับมาไม่มากพอ อาจจะต้องมีการยกกระชับร่วมด้วยในการเสริมครั้งถัดไป ในช่วงระหว่างการพักหน้าอก ผู้ป่วยควรเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการผ่าตัดในครั้งต่อไป โดยการนวดหน้าอกเพื่อลดพังผืดที่มีอยู่โดยให้เหลือน้อยที่สุดก่อนที่จะเสริมซิลิโคนเข้าไปใหม่ เพราะบางกรณีผู้ป่วยมีการผ่าตัดแก้ไขมาหลายครั้ง ทั้งการผ่าตัดเสริมเหนือกล้ามเนื้อ ใต้กล้ามเนื้อ ทำให้เนื้อข้างในเป็นโพรงเต็มไปหมด จึงทำให้เกิดพังผืดมากขึ้นเรื่อยๆ จนหน้าอกเกิดการล็อก แข็งเป็นทรงกลม หมดความเป็นธรรมชาติ ฉะนั้น ผู้ป่วยควรพักฟื้นให้หน้าอกมีเนื้อนิ่ม มีความยืดหยุ่น แล้วจึงค่อนกลับมาผ่าตัดอีกครั้ง
สำหรับคนที่ต้องการทำศัลยกรรมหน้าอก ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเสริมหรือการผ่าตัดลดขนาด ต้องปรึกษาศัลยแพทย์ก่อนทุกครั้ง เมื่อตกลงกันเรียบร้อยต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำการผ่าตัด โดยการงดน้ำ งดอาหาร งดยากลุ่มวิตามินบำรุง หรือยาที่ทำให้เลือดออกมาก หากมีโรคประจำตัวต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ ถ้าตรวจพบเนื้องอกหรือเนื้อร้าย ต้องทำการรักษาโรคให้หายดีก่อน แล้วจึงค่อยมาทำการผ่าตัดเพื่อความงาม ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกหรือเสริมหน้าอก โดยประมาณอยู่ที่ 150,000-200,000 บาท
เพราะ “หน้าอก” เป็นส่วนหนึ่งของสรีระผู้หญิง หน้าอกที่เล็กหรือใหญ่เกินไปนั้นย่อมไม่เป็นที่ดึงดูดทางเพศ การมีขนาดหน้าอกที่สมส่วนย่อมทำให้ผู้หญิงดูดี มีเสน่ห์มากกว่า สาวๆ คนไหนที่มีปัญหามีหน้าอกใหญ่เกินไป การผ่าตัดลดเพื่อให้มีขนาดที่เหมาะสม นอกจากจะทำให้รูปร่างดูดีสมส่วนขึ้นแล้ว ยังทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นอีกด้วย
โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดลดขนาดเต้านมจะเป็นชาวต่างชาติ แต่คนไทยก็มีปัญหาในเรื่องนี้เช่นกัน แต่โดยส่วนใหญ่จะมีทั้งหน้าอกใหญ่และหน้าอกหย่อนคล้อยด้วย ซึ่งต้องพิจารณาเป็นกรณีไป ฉะนั้น ผู้หญิงที่มีปัญหาเต้านมใหญ่เกินไป อาจลองเข้ามาปรึกษาแพทย์ก่อนได้ เพราะว่าในบางรายที่เต้านมมีขนาดใหญ่มากๆ ปัญหาที่พบได้บ่อยคือปวดหลัง ซึ่งต้องทำการผ่าตัดเพื่อลดอาการปวด ในบางกรณีถือว่าเป็นโรคอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะในต่างประเทศที่ผู้หญิงมีปัญหานี้กันค่อนข้างมาก จึงพบว่ามีการรักษาโดยการผ่าตัดลดขนาดเต้านมเยอะ ซึ่งปริมาณที่ผ่าตัดออกโดยประมาณ 1,000-1,500 ซีซี โดยทั่วไปขนาดเต้านมของผู้หญิงต่างชาติจะมีหลากหลายขนาดแตกต่างกันออกไป ในบางรายมีขนาดที่ใหญ่มากและไม่มีเสื้อชั้นในที่สามารถซัพพอร์ทได้ แต่ผู้หญิงไทยไม่ค่อยพบปัญหานี้ มีบางส่วนที่มีปัญหาจากการเสริมหน้าอกโดยใส่ซิลิโคนที่ใหญ่เกินไป ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยการผ่าตัดลดขนาดเต้านม และการเสริมหน้าอกเข้าไปใหม่ โดยเลือกซิลิโคนเกรดคุณภาพที่มีขนาดพอเหมาะกับรูปร่างค่ะ
พญ.ดาริน ม่วงไทย
ศัลยแพทย์ตกแต่ง
ผู้อำนวยการบริหาร The Sib Clinic
(Some images used under license from Shutterstock.com.)