Haijai.com


ผลไม้สดรับประทานได้แต่น้ำผลไม้ต้องระวัง เบาหวาน


 
เปิดอ่าน 7351

หวานแบบไหนไม่กระทบเบาหวาน

 

 

สารพัดปัญหาของผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานนอกจากโรคแทรกซ้อนต่างๆ แล้วก็เห็นจะเป็นเรื่องการรับประทานนี่แหล่ะ ซึ่งก็มักมีปัญหามาให้ถกกันเสมอว่าอะไรที่ทานได้และอะไรที่ทานไม่ได้ หลายคนควบคุมอาหารเป็นอย่างดี แต่ทำไมน้ำตาลยังพุ่งอย่างฉุดไม่อยู่ บางทีตัวการที่แท้จริงอาจจะเป็นผลไม้ก็เป็นได้

 

 

ผลไม้เป็นอาหารหลัก 5 หมู่ และมีรสชาติอร่อยอีกทั้งอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ แต่มีน้ำตาลแฝงอยู่ไม่น้อย ในเมื่อการรับประทานผลไม้ยังเป็นสิ่งจำเป็น การเลือกรับประทานอย่างระมัดระวัง จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ้งกว่าในผู้ป่วยเบาหวาน ทั้งปริมาณที่ต้องจำกัด ชนิดของผลไม้ เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป

 

 

เบาหวานไม่จำเป็นต้องจำกัดผลไม้

 

หลายคนกังวลว่าผู้ป่วยเบาหวานที่อยู่ใกล้ชิดเรา จะได้รับปริมาณน้ำตาลมากเกินไป จึงคอยระวังหรือห้ามไม่ให้ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานผลไม้เลย แต่ความเป็นจริงแล้วสามารถรับประทานได้ แต่ไม่เกิน 2-3 ส่วนต่อวัน โดยผลไม้ 1 ส่วนมี คาร์โบไฮเดรต 10 กรัม ให้พลังงาน 40 กิโลแคลอรี หรือเทียบเท่าข้าวสวย 1 ทัพพี

 

 

ปริมาณของผลไม้ 1 ส่วนแต่ละชนิด

ประเภท

ปริมาณ

กล้วยน้ำว้าสุก

1 ผลเล็ก

กล้วยหอม

½ ผล

สับปะรด

6 ชิ้น / คำ

แตงโม

10 ชิ้น / คำ

แคนตาลูป

8 ชิ้น / คำ

มะม่วง

½ ผล

พุทรา

2 ผล

องุ่น

10-12ผล

มังคุด

2 ผล

ละมุด

1 ผล

ลางสาด

5-6 ผล

ฝรั่ง

1 ผล

ลำไย

8 ผล

ลิ้นจี่

3 ผล

ทุเรียน

1 เม็ดเล็ก

 

 

ผลไม้สดรับประทานได้แต่น้ำผลไม้ต้องระวัง

 

น้ำผลไม้ทุกประเภทเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างหนีไม่ได้ โดยเฉพาะกับผู้ป่วยเบาหวาน แต่สำหรับน้ำมะเขือเทศ 100% จะมีน้ำตาลอยู่เพียง 1% เท่านั้น ผู้ป่วยเบาหวานสามารถดื่มได้

 

 

สาเหตุสำคัญที่ต้องเลี่ยงน้ำผลไม้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นน้ำส้ม 100% คั้นสดหรือน้ำผลไม้ปั่น เนื่องจากปริมาณน้ำตาลที่ผสมอยู่มีปริมาณมาก และมักจะเป็นฟรุกโตส เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในกระแสเลือด หากเป็นชนิดกล่องหรือกระป๋องควรอ่านฉลากโภชนาการที่กำกับไว้ก่อนเสมอ จะทำให้ทราบว่าปริมาณน้ำตาลที่แฝงอยู่มีมากและไม่ควรดื่ม แต่อย่างไรก็ตามการทานผลไม้มีไฟเบอร์ช่วยในการขับถ่ายและช่วยดูดซับไม่ให้น้ำตาลในเลือดขึ้นเร็ว

 

 

ผลไม้แทนข้าวดีจริงหรือ

 

ไม่ควรรับประทานผลไม้แทนข้าว เพื่อต้องการให้อิ่มจากผลไม้ เพราะจะได้ปริมาณน้ำตาลมากกว่าการรับประทานอาหารปกติ เนื่องจากผลไม้เพียง 2 ส่วน ไม่ได้ทำให้อิ่ม แต่หากรับประทานข้าว 2 ทัพพี (เท่ากับ ผลไม้ 2 ส่วน) ควบคู่กับผักและเนื้อสัตว์จะอิ่มและได้คุณค่าทางอาหารครบดถ้วนมากกว่า ดังนั้นควรรับประทานผลไม้ 1 ส่วน เป็นของว่างหรือตามหลังมื้ออาหาร แต่อย่าลืมว่าต้องทานไม่เกิน 2-3 ส่วนต่อวัน

 

 

3 ผลไม้อันตรายที่ควรระวัง

 

ทั้งทุเรียน ลำใย สับปะรด เมื่อรับประทานเพียงเล็กน้อย น้ำตาลในกระแสเลือดจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากไกลซีมิคอินเดกซ์ (GI) สูง จะเกิดอันตรายมากในผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลไม่ดีอยู่แล้ว การเพิ่มระดับน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานได้

 

 

การได้รับน้ำตาลมากเกินไปจนระดับน้ำตาลในเลือดสูง จะทำให้เกิดอาการตาพร่ามัว ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย น้ำหนักลด แผลหายช้า และผลในระยะยาวจะเกิดหลอดเลือดแข็งตัวจนสมอง หัวใจ ไต มีปัญหาในที่สุด

 

 

หากน้ำตาในเลือดต่ำทำอย่างไร

 

หากผู้ป่วยเบาหวานมีน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจเกิดอาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น เหงื่อออกมาก กระสับกระส่าย แก้ไขได้โดยการดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำหวานปริมาณครึ่งแก้ว แล้วลองสังเกตอาการซึ่งควรดีขึ้นภายใน 10-30 นาที หากไม่ดีขึ้นให้รับประทานซ้ำหรือรีบพบแพทย์

 

 

คุมน้ำตาลก่อนตรวจ หลอกหมอไม่ได้นะจ๊ะ

 

สำหรับผู้ที่มาตรวจน้ำตาลตามนัดแล้ว หลอกคุณหมอโดยการงดอาหาร ของหวาน หรือขนามก่อนมาตรวจ เพื่อให้น้ำตาลในเลือดมีค่าน้อยลงนั้น ปัจจุบันเมื่อมาตรวจน้ำตาลที่โรงพยาบาลจะมีการตรวจ 2 แบบ คือ ตรวจค่าน้ำตาลของวันที่มาพบแพทย์และค่าน้ำตาลสะสม ที่เรียกว่า ฮีโมโกลบิน เอวันซี (HbAlc) คือ ค่าน้ำตาลเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือน เพราะฉะนั้นคุมอาหารหลอกๆ มาก็โกงคุณหมอไม่ได้นะคะ

 

 

แพทย์หญิงวรณัน เจริญหิรัญยิ่งยศ

อายุรแพทย์ระบบโรคต่อมไร้ท่อ

โรงพยาบาลวิภาวดี

(Some images used under license from Shutterstock.com.)