Haijai.com


ช่องว่างระหว่างแม่ยาย VS ลูกเขย


 
เปิดอ่าน 23335

ช่องว่างระหว่างแม่ยาย VS ลูกเขย

 

 

ปัญหาของการอยู่ร่วมกันในสังคมนั้น เป็นปัญหาที่เกิดจากการไม่เข้าใจกัน และไม่พยายามที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติโดยยึดหลักของการสมานฉันท์และพบกันครึ่งทาง ไม่มีการหาว่าใครถูกใครผิด และร่วมมือร่วมแรงใจกันแก้ไขปัญหา โดยมีวัตถุประสงค์ในการรับสิ่งที่ดีงามร่วมกัน

 

 

ในชีวิตคู่ของคนเรานั้นนอกจากคนสองคนซึ่งรักกัน และอยากที่จะใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว ยังมีผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตรักของเขาทั้งสองอีกมากหลาย ไม่ว่าจะพ่อตาแม่ยาย พ่อสามีและแม่สามี ว่ากันว่าผู้หญิงมักจะเข้ากับพ่อสามีได้มากกว่าแม่สามี เพราะเรื่องราวของแม่ผัวและลูกสะใภ้นั้นมีมาให้เห็นในทุกยุคทุกสมัย ส่วนลูกเขยทั้งหลายนั้นเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่า เข้าได้กับพ่อตาหรือแม่ยายได้มากกว่า ในทางทฤษฎีแล้วลูกเขยน่าจะเข้าได้กับแม่ยายมากกว่าเพราะเป็นคนละเพศ แต่ในความเป็นจริงก็เห็นได้ว่าลูกเขยหลายต่อหลายคนเข้ากับพ่อตาได้มากกว่าแม่ยาย เราน่าจะมาลองปุจฉาวิสัชนาดูว่า ช่องว่างระหว่างแม่ยายกับลูกเขยนั้นมีอะไรบ้าง

 

 

เริ่มแรกก็น่าจะเป็นความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน โดยเฉพาะถ้าลูกเขยเป็นเพลย์บอย แต่แม่ยายเป็นหัวอนุรักษ์นิยม แบบนี้แม่ยายก็จะพยายามที่จะควบคุมลูกเขยแทนลูกสาว เพราะกลัวว่าลูกสาวจะต้องเผชิญกับกิ๊กทั้งหลายของลูกเขย ก็น่าจะรู้กันดีว่าผู้ชายนั้นควบคุมได้ยากอยู่แล้ว ดังนั้นในกรณีนี้ก็เดาได้ทันทีว่าจะต้องเกิดวิวาทะระหว่างแม่ยายกับลูกเขยเป็นประจำ และทำให้ทั้งพ่อตาและภรรยาต้องได้รับความกระทบกระเทือนไปไม่มากก็น้อย แต่ถ้าจะถามว่าแล้วจะแก้ไขอย่างไร ก็ตอบแบบตรงไปตรงมาเสียเลยว่า แก้ไขได้ยาก เพราะหลายรายแม้ว่าจะแยกบ้านออกไปแล้วแม่ยายสุดที่รักก็ยังตามไปราวีไม่เว้นแต่ละวัน ห้ามถามว่าใครถูกใครผิดนะ เพราะไม่มี... มีแต่ปัญหาที่ถ้าไม่ร่วมมือกันแก้แล้วละก็เขียนตอนจบได้เลย

 

 

ต่อมาก็น่าจะเป็นช่องว่างระหว่างวัยที่ลูกเขยไม่เข้าใจแม่ยายวัยทองที่ตามราวีพ่อตาของตนเอง ในกรณีนี้มักจะเกิดเมื่อลูกเขยกับพ่อตาเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยโดยไม่ต้องมีฆ้องกลองร่วมด้วย และเมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นลูกเขยก็จะพยายามที่จะช่วยเหลือพ่อตาในทุกทาง ซึ่งทำให้บางครั้งแม่ยายสุดที่รักก็กลายเป็นคนที่จะต้องรับเคราะห์ไปแทนก็มีมากหลาย หรือจนกระทั่งต้องแบ่งออกเป็นสองก๊กระหว่างฝ่ายชายฝ่ายหญิงไปก็มี

 

 

แน่นอนว่าช่องว่างระหว่างแม่ยายและลูกเขยนั้นยังมีช่องว่างระหว่างวัยที่ทำให้เกิดความคิดเห็นต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน เพราะมากันคนละยุค และความที่ไม่พยายามที่จะเข้าใจกันในรูปแบบที่ควรจะเป็น แต่อยากให้อีกคนเปลี่ยนแปลงมาเป็นตามที่ตนเองอยากให้เป็น ซึ่งในความเป็นจริงนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังคงเกิดขึ้นแบบประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอยู่ตลอดมาในทุกยุคทุกสมัย และถ้าใครคิดว่าแก้ไขได้แบบสูตรสำเร็จแล้วละก็ขอให้บอกมาเลย รับรองว่าสามารถที่จะจดเป็นลิขสิทธิ์ที่ทำเงินได้มากหลายต่อไป

 

 

ถ้าจะเอาแบบสรุปแบบเอาไปใช้ได้แล้วละก็ ขอบอกว่าในคนส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยจะมีหรอกที่จะเกิดช่องว่างระหว่างแม่ยายกับลูกเขย เพราะแน่นอนว่าแม่ยายส่วนใหญ่จะชอบลูกเขย เพราะลูกเขยส่วนใหญ่ก็เกรงใจและเอาใจแม่ยายกันทั้งนั้น นี่ไม่นับคนที่เอาแม่ยายเป็นภรรยาด้วยนะ เพราะแบบนั้นนอกจากจะไม่แนะนำแล้วยังไม่ใช่เป็นการลดช่องว่างที่ถูกต้องตามประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามอีกด้วย แต่เรื่องแบบนี้ถ้าไม่รู้จะโทษอะไรก็ขอให้โทษบุญกรรมไปก็แล้วกัน ยิ่งเดี๋ยวนี้เขาว่า กรรมยุคดิจิตอลนั้นมันติดจรวดเสียด้วย ทำอะไรก็ได้อย่างนั้นแหละคุณ ไม่ต้องรอไปชาติหน้าหรอก ชาตินี้กรรมก็ตามทันแล้ว ไม่เชื่อก็ลองดู!

 

 

แต่ในกรณีที่เกิดช่องว่างระหว่างแม่ยายและลูกเขยแล้ว ขอแนะนำว่า ใครที่คิดได้ก่อนว่าเกิดปัญหาแล้วก็ให้พยายามที่จะหาทางลดช่องว่างลง ก็จะสามารถที่จะนำพาชีวิตครอบครัวให้ยืนยาวและมีความสุขออกไปได้ยั่งยืนนาน อย่าไปมัวเกี่ยงกันว่าให้ใครเปลี่ยนก่อนเลย ใครรู้ตัวก็เปลี่ยนไปก่อนให้เข้ากันได้ด้วยการเอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดดีต่อกันด้วยความเมตตา ด้วยความรักที่อยากให้คนรอบข้างมีความสุข อย่ามัวแต่คิดเจ้าคิดเจ้าแค้น โกรธเกลียดเพราะอีกฝ่ายทำไม่ได้ดั่งใจอยู่เลย แบบนั้นไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาแต่เป็นวิธีสร้างศัตรูที่จะต้องประหัตประหารกัน และชีวิตจะไม่มีความสุข

 

 

คิดได้วันนี้ก็เริ่มวันนี้ เพราะว่าวันพรุ่งนี้อาจจะไม่มาถึงก็ได้ ตามเนื้อเพลงที่ว่า รักกันวันนี้ดีกว่า เผี่อว่าพรุ่งนี้มีอันเป็นไป... ไม่ได้แช่งนะคุณ แต่เห็นเขาว่ากันว่า ปีหน้าโลกจะแตกไม่ใช่หรือ รักกันไว้เถิดนะ

 

 

ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์

(Some images used under license from Shutterstock.com.)