
© 2017 Copyright - Haijai.com
ศัลยกรรมเสริมคาง ปรับเลื่อนคางให้หน้าสวย
เมื่อความสวยความหล่อในปัจจุบันหาซื้อกันได้แล้ว เชื่อว่าคงเป็นทางออกที่ดีไม่น้อย ที่จะช่วยให้หนุ่มสาวที่ขาดความมั่นใจกลับมามีชีวิตที่สุดใสได้อีกครั้ง เพราะรูปร่างหน้าตาถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนเรากล้าแสดงออกมากขึ้น ทำให้เรากล้าออกไปพบปะผู้คน กล้าเผชิญกับโลกภายนอก และการมีรูปร่างหน้าตาที่ดีก็สามารถส่งผลดีต่อหน้าที่การงานได้ และเมื่อการทำศัลยกรรมเข้ามามีบทบาทในการเสริมเติมแต่งความสวยความงาม จึงทำให้หนุ่มสาวในยุคใหม่มีทางเลือก และโอกาสในการมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ในที่นี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่องการทำศัลยกรรมอวัยวะ 1 ใน 5 ของร่างกายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดนั่นคือ “การทำศัลยกรรมคาง”
สังคมไทยในปัจจุบันมีความเข้าใจและยอมรับในเรื่องของการทำศัลยกรรมความงามมากขึ้น นั่นจึงทำให้จำนวนของคนที่ทำศัลยกรรมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ความแตกต่างของการทำศัลยกรรมในสมัยก่อนกับปัจจุบันคือมุมมองในการทำศัลยกรรม โดยสมัยก่อนนั้นมักจะมุ่งเป้าไปที่อวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง เช่น ทำตาสองชั้นเพียงอย่างเดียว เสริมจมูกเพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้คำนึงถึงส่วนอื่นๆ บนใบหน้า ซึ่งความจริงแล้วความสำคัญของการทำศัลยกรรมไม่ได้อยู่ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นการมองภาพรวมทั้งหมดของใบหน้าเพื่อให้เกิดความสมดุลขึ้น เนื่องจากความสมดุลก่อให้เกิดความสวยงามและความหล่อเหลา
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าในคนไข้ที่เสริมจมูกจึงมักจะเสริมคางไปด้วย จึงทำให้การเสริมคางกำลังได้รับความนิยมแบบไล่ขึ้นมาติดๆ กับการทำศัลยกรรมในส่วนอื่นๆ บนใบหน้า และคนไข้ที่ทำศัลยกรรมคางโดยส่วนใหญ่ 70% ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากแพทย์ถึงสัดส่วนบนใบหน้า จึงทำให้ยอมรับการทำศัลยกรรมคาง โดยไม่มีข้อสงสัย สำหรับอีก 30% จะเป็นคนไข้ที่มีการศึกษาหาความรู้ข้อมูลและรายละเอียดในการทำศัลยกรรมคางมาพอสมควร จึงสามารถเดินเข้าสถานพยาบาลเพื่อขอทำศัลยกรรมค้างได้โดยตรง
“คาง” มีความสำคัญต่อความงามบนใบหน้าอย่างไร
“คาง” ถือเป็นหนึ่งโครงสร้างหลักที่สำคัญของใบหน้า หรือเรียกว่าเป็น 1 ใน 5 ของโหวงเฮ้ง เป็นอวัยวะที่อยู่ส่วนล่างของใบหน้า โดยสัดส่วนบนใบหน้าแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
1.ใบหน้าส่วนบน คือ บริเวณหน้าผากเหนือเบ้าตา วัดจากไรผมถึงระหว่างคิ้ว
2.ใบหน้าส่วนกลาง คือ บริเวณจมูก กระบอกตา และกรามบน วัดจากระหว่างคิ้วถึงฐานจมูก
3.ใบหน้าส่วนล่าง คือ บริเวณริมฝีปาก กราม และคาง วัดจากฐานจมูกถึงส่วนล่างสุดของใบหน้า
ซึ่งใบหน้าส่วนล่างแบ่งออกย่อยๆ ได้อีก 3 ส่วน คือ วัดจากฐานจมูกถึงกลางปาก 1 ส่วน และวัดจากกลางปากถึงปลายคาง 2 ส่วน สัดส่วนในผ้หญิงและผู้ชายจะแตกต่างกันออกไป โดยคนที่มีสัดส่วนบนใบหน้าที่ใกล้เคียงกันนับว่าเป็นใบหน้าที่มีความสมดุล แต่คนที่มีสัดส่วนใบหน้าผิดเพี้ยนไปไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง ก็จะส่งผลกระทบต่อสัดส่วนในบริเวณอื่นๆ ของใบหน้าทั้งหมด ยกตัวอย่าง เช่น หากเสริมจมูกเพียงอย่างเดียว ก็จะทำให้สัดส่วนของใบหน้าส่วนกลางพุ่งออกมาข้างหน้ามากกว่าที่ควรจะเป็น และยิ่งทำให้คนที่มีคางผิดส่วนอยู่แล้ว ยิ่งผิดส่วนมากขึ้นไปอีก ดังนั้น การทำศัลยกรรมใบหน้าใช่ว่าจะต้องมองเพียงจุดใดจุดหนึ่งเท่านั้น แต่ต้องมองภาพรวมทั้งหมดของใบหน้าเพื่อก่อให้เกิด “ความงามที่สมดุล (Balane Beauty)” นั่นเอง
“เสริมคางกับเลื่อนคาง” ต่างกันอย่างไร
“การศัลยกรรมเสริมคาง (Mentoplasty)” เป็นอีกหนึ่งการศัลยกรรมเพื่อการปรับรูปใบหน้า เพราะขนาดของคางเป็นปัจจัยหนึ่งที่กำหนดมิติของใบหน้าส่วนล่าง คนที่มีคางสั้น คางเล็ก คางไม่มีความนูน หรือคางถอยร่นมาด้านหลัง ซึ่งทำให้ใบหน้าดูกลมหน้าสั้น ส่วนกลางของใบหน้าดูกว้าง และทำให้คอดูมีเนื้อเยอะ ซึ่งเป็นรูปลักษณ์ที่ไม่สวยงาม โดยปัญหาเหล่านี้สสามารถแก้ไขได้ด้วยการเสริมคาง เพื่อทำให้สามารถมองเห็นรูปคางได้ชัดเจน ใบหน้าส่วนล่างดูมีมิติและความสมดุลมากขึ้น สำหรับ “การคัลยกรรมเลื่อนคาง (Sliding Genioplasty หรือ Chin Advancement)” เป็นประเภทหนึ่งของการเสริมคาง แต่เป็นการผ่าตัดปรับสัดส่วนของคางที่มีอยู่แล้ว โดยที่ไม่ต้องใช้วัสดุอื่นเข้าไปเสริม แต่เป็นการเสริมโดยใช้กระดูกของคนไข้เอง ส่วน “การเสริมคาง” จะใช้แกนสังเคราะห์ ซึ่งอาจเป็นซิลิโคน (Silicone) กอร์เท็กซ์ (Goretex) หรือเม็ทพอร์ (Medpor) คางที่ผิดสัดส่วนไปเพียงเล็กน้อย เช่น คางเล็ก สามารถแก้ไขได้ด้วยการเสริมด้วยสารฉีดหรือแกนสังเคราะห์
การทำศัลยกรรมเลื่อนคางนั้น ทำในกรณีที่คนไข้มีสัดส่วนของคางที่ผิดเพี้ยนไปค่อนข้างมาก ซึ่งก็คือคนไข้ที่มีลักษณะคางหลุบ หดถอยหลังไปมาก ไม่ได้สัดส่วนมาด้านหน้า คางยาวมากๆ และคางสั้นจนเกินไป เพราะคางที่ผิดสัดส่วนเหล่านี้ ล้วนทำให้ส่วนเว้าส่วนโค้งของรูปหน้าผิดไปไม่ได้สัดส่วน จึงส่งผลให้ใบหน้าดูไม่สวยงาม การเสริมคางจึงเป็นการปรับเส้นโค้งบนใบหน้าให้เหมาะสมลงตัว แต่ใช่ว่าคนที่มีปัญหาคางผิดสัดส่วนเหล่านี้ทั้งหมดทุกคน จะสามารถทำศัลยกรรมคางแล้วได้ผลดีเสมอไป เพราะคนที่เหมาะสมต่อการทำศัลยกรรมประเภทนี้ ยังต้องมีโครงสร้างส่วนของฟันและกรามที่สมดุล และนอกจากการศัลยกรรมเสริมคางแล้วในบางกรณีศัลยแพทย์อาจพิจารณาให้ผู้ป่วยควรปรับแก้ไขรูปหน้าส่วนล่าง โดยการฉีดฟิลเลอร์ร่วมด้วย เพื่อให้เห็นรูปคางที่ชัดเจนและสวยงามมากยิ่งขึ้น
การทำศัลยกรรมคางในปัจจุบันจะเน้นในเรื่องการเสริมด้วยวัสดุมากกว่าการฉีด เนื่องจากคางเป็นแกนหลักของใบหน้า ดังนั้น จึงต้องมีความมั่นคง แข็งแรง และอยู่คงที่ ซึ่งในการเสริมด้วยการฉีดจะทำให้ปริมาตรของเนื้อเยื่อที่คาง ซึ่งโดยปกติมีความหนาอยู่แล้ว ยิ่งทำให้มีความหนามากขึ้น จึงทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น ร่วมกับแรงดึงดูดของโลกและอายุที่เพิ่มมากขึ้น ก็จะทำให้เนื้อบริเวณคางห้อยย้อยลงมา ดังนั้น แทนที่จะได้รูปคางที่สวยงามได้สัดส่วน กลับกลายเป็นคางยาวเป็นลักษณะเป็นคางแม่มด (Witch’s Chin) ทำให้ใบหน้าส่วนล่างผิดเพี้ยนไป
การผ่าตัดเลื่อนคางให้ใบหน้าสมส่วน
การผ่าตัดเลื่อนคางเป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องทำการผ่าตัดภายใต้การดมยาสลบ ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงมากกว่าการผ่าตัดเสริมคางโดยทั่วไป ทั้งในเรื่องของการมีเลือดออกมาก ต้องระมัดระวังเรื่องการโดนเส้นประสาทในระหว่างการผ่าตัด ภายหลังการผ่าตัดคางและบริเวณรอบๆ มีอาการบวม เจ็บ และริมฝีปากจะรู้สึกชา เนื่องจากมีแผลผ่าตัดอยู่ด้านในริมฝีปากล่าง ซึ่งอาการจะค่อยๆ บรรเทาลงเมื่อเวลาผ่านไป หรือการรับความรู้สึกที่บริเวณคางเปลี่ยนไป ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งเพียงชั่วคราวหรือเกิดขึ้นอย่างถาวร หากเกิดการกระทบกระเทือนที่บริเวณใบหน้า อาจเกิดการติดเชื้อที่แผลผ่าตัด และสามารถเกิดโรคแทรกซ้อนได้มากกว่า ใช้ระยะพักฟื้นนานกว่า ดังนั้น คนไข้จึงควรเตรียมสุขภาพร่างกายให้พร้อมก่อนการผ่าตัด แจ้งโรคประจำตัวและข้อห้ามในการผ่าตัดให้แพทย์ทราบ รวมทั้งแปรงฟันทำความสะอาดช่องปากก่อนเข้ารับการผ่าตัด
โดยวิธีการในการผ่าตัดเลื่อนคาง คือ เป็นการผ่าตัดภายในช่องปาก โดยใช้เลื่อยเข้าไปตัดกระดูกคาง เพื่อให้มีความเหลื่อมล้ำกันตามความต้องการของคนไข้ ในกรณีที่คนไข้มีคางสั้นหลุบ หดถอยหลังไปมากศัลยแพทย์จะทำการเลื่อยกระดูก เพื่อตัดคางในแนวนอน แล้วทำการเลื่อนออกมาด้านหน้าที่เรียกว่า Slide จากนั้นจึงยึดด้วยสกรู
ในกรณีที่คนไข้มีคางยาว ศัลยแพทย์จะทำการตัดส่วนที่เกินออกแล้วประกบเข้าไปใหม่ ส่วนในกรณีที่คนไข้มีคางสั้นมากๆ ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดแล้วนำเอาวัสดุเสริมคือกราฟกระดูกใส่เข้าไประหว่างการเสริม ซึ่งในปัจจุบันกราฟกระดูกไม่จำเป็นต้องใช้กระดูกของคนไข้เอง เพราะมีข้อเสียคือคนไข้ต้องเจ็บตัวหลายรอบ เพื่อผ่าตัดย้ายกระดูกจากบริเวณอื่นของร่างกายแล้วนำมาเสริมที่คาง แต่สามารถนำกราฟกระดูกจากธนาคารกระดูกมาใช้ได้ และวัสดุสังเคราะห์อีกชนิดหนึ่งทที่นำมาเสริมคางคือ Bone Matrix ซึ่งสามารถเพิ่มความหนาและความยาวให้กับคางที่สั้นได้ การผ่าตัดเสริมคางใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที การผ่าตัดเลื่อนคางใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่งโมง หลังผ่าตัดเลื่อนคางใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจาก 1 เดือนจะค่อยๆ ยุบลงและเดือนที่ 3 ทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
การเลือกวิธีในการผ่าตัดขึ้นอยู่กับศัลยแพทย์ ซึ่งการผ่าจากข้างนอกจะลดความเสี่ยงในการติดเชื้อลงได้มาก แผลมีความยาวประมาณ 1 ซม. จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องแผลเป็น ภายหลังการผ่าตัดคนไข้ สามารถรับประทานอาหาร ขยับปาก พูด ใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่การทำผ่าตัดภายในช่องปากมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย และเมื่อติดเชื้อแล้วต้องนำวัสดุเสริมออกทันที ซึ่งเป็นข้อเสียของการผ่าด้านในช่องปาก รวมทั้งภายหลังการผ่าตัดคนไข้ต้องดูแลเรื่องการรับประทานอาหาร หลังผ่าตัดในช่วงแรกอาจพูดไม่ชัด และการพักฟื้นใช้ระยะเวลานานกว่า
การพักฟื้นหลังการทำศัลยกรรมเสริมคาง
ในกรณีที่แผลผ่าตัดอยู่ภายในช่องปาก หลังการผ่าตัดคนไข้ควรรับประทานอาหารเหลวหรืออาหารอ่อนที่ไม่ต้องเคี้ยวมาก เพื่อลดการกระทบกระเทือนของบาดแผลและทำความสะอาดช่องปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก หรือน้ำเกลือทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร เพื่อไม่ให้เศษอาหารไปติดที่แผลหรือเกิดการติดเชื้ออักเสบ อาการปวด บวม ที่บริเวณแผล สามารถเกิดขึ้นได้ใน 3-4 วันหลังการผ่าตัด แต่หากมีอาการปวดมากปืดปกติ ควรกลับไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์อาจจ่ายยาแก้ปวดลดอักเสบ รวมถึงจ่ายยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันอาการติดเชื้อด้วย แต่หากเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับการผ่าตัด แพทย์อาจพิจารณานำซิลิโคนออก หลังผ่าตัดคนไข้ควรนอนในท่ายกศีรษะให้สูงกว่าหัวใจ เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ไม่คั่งอยู่ที่บาดแผล รวมทั้งงดการออกกำลังกายหรือกิจกรรมหนักๆ เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนที่บริเวณใบหน้า และสามารถกลับไปทำกิจกรรมเบาๆ ตามปกติได้ภายใน 5-7 วัน
สัดส่วนที่สมดุลส่งผลให้เกิดความสวยงามบนใบหน้า การปรับแต่งแก้ไขส่วนที่บกพร่องจะทำให้ใบหน้าที่ขาดความสมดุลนั้น กลับมามีสัดส่วนสวยงาม ใบหน้าดูเรียว มีมิติมากขึ้นได้ สำหรับคนที่สนใจในการทำศัลยกรรม ทั้งการเสริมคางและเลื่อนคาง เพื่อปรับปรูปหน้าส่วนล่างให้มีมิติและได้สัดส่วนมากขึ้นนั้น ควรหาข้อมูลรายละเอียดจากหลายๆ แหล่งความรู้ เปรียบเทียบศึกษาข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธีในการผ่าตัด และสำคัญคือต้องปรึกษาศัลยแพทย์ที่เชื่อถือได้
“คาง ถือว่าเป็นหนึ่งในโครงหลักของใบหน้า ซึ่งตัวผมเองให้ความสำคัญในส่วนนี้ค่อนข้างมาก และการเสริมคางในปัจจุบันก็ไม่ได้เป็นการทำศัลยกรรมที่อันตราย สามารถทำได้รวเร็ว ง่ายและเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน ทำให้เกิดความสมดุลและเกิดความสวยงามบนใบหน้ามากขึ้น เพราะหลักการทำศัลยกรรมความงาม คือ สะดวก ง่าย บาดเจ็บน้อย ค่าใช้จ่ายน้อย เป็นสำคัญ
เนื่องจากไม่ได้เป็นการแก้ไขความพิการ สำหรับการเลื่อนคาง ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างรุนแรงมากกว่า ศัลยแพทย์ก็จะพิจาณาเป็นลำดับไป แต่ในการทำศัลยกรรมบนใบหน้าอย่าไปมุ่งที่อวัยวะใดอวัยวะหนึ่งเป็นสำคัญ ให้ดูในภาพรวมของใบหน้าทั้งหมดก่อนแล้วค่อยมาปรับแต่ง เพราะฉะนั้น ก่อนการทำศัลยกรรมคาง คนไข้ต้องเข้ามาปรึกษาแพทย์ ต้องทำการวิเคราะห์กันระหว่างแพทย์กับคนไข้ให้เกิดความเข้าใจชัดเจน เพราะเราคงไม่ดูเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ดูทุกสัดส่วนบนใบหน้า คือ ใบหน้าส่วนบน ใบหน้าส่วนกลาง และใบหน้าส่วนล่าง ดูมุมของปลายจมูกที่ทำกับคางอยู่ในระนาบไหน ผลการผ่าตัดจะออกมาเป็นอย่างไร ดังนั้น การพบแพทย์ก่อนตัดสินใจทำเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
นพ.ธนวรรฒน์ โชติมา
ศัลยกรรมความงาม ทีเอ็นซี คลินิก
(Some images used under license from Shutterstock.com.)