
© 2017 Copyright - Haijai.com
คุณรู้หรือไม่ว่า การออกกำลังกายโดยทั่วไป กับ การออกกำลังกายเพื่อบำบัดรักษา ต่างกันอย่างไร ?
การมีสุขภาพที่ดีนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนปรารถนา และคงปฏิเสธไม่ได้ว่า การออกกำลังกายนั้นมีความหลากหลายและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งการออกกำลังกายโดยทั่วไป โยคะ พิลาทิส การออกกำลังกายเพื่อบำบัดรักษา ฯลฯ แต่มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่จะรู้ถึงความแตกต่างและเอกลักษณ์ เฉพาะตัวของการออกกำลังกายในรูปแบบนั้น สำหรับผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง การออกกำลังกายโดยทั่วไป เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและดูแลสุขภาพนั้น ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่สำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีข้อจำกัดทางสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่มีปัญหากระดูกและข้อ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน กลุ่มที่ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน อาจจะเกิดอันตรายและผลเสียจากการออกกำลังกาย ที่เกินความสามารถของตนเอง จึงจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้ทางด้าน กายวิภาคสรีระและชีวกลศาสตร์ รวมไปถึงความรู้ทางเทคนิคการยืด ที่จำเพาะมัด จำเพาะจุด ซึ่งจะช่วยยืดกล้ามเนื้อ ให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและดูแลอย่างใกล้ชิด การออกกำลังกายเพื่อการบำบัดรักษานั้น จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและนักกายภาพบำบัด เป็นผู้ออกแบบโปรแกรมการรักษาที่มีความเฉพาะเจาะจงในตัวบุคคลโดยตรง ซึ่งแตกต่างจากการออกกำลังกายโดยทั่วไป ที่ให้ครูฝึกเฉพาะบุคคล เป็นผู้ออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกาย ที่เน้นสร้างความแข็งแรงควบคู่กับการสร้างความสนุกสนานเป็นหลัก โดยขาดการคำนึงถึงข้อจำกัดทางด้านสุขภาพของผู้ป่วยเท่าที่ควร ยกตัวอย่างเช่น ในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท ระดับเอวข้อที่ 4-5 คุณหมอจะแนะนำให้ทำกายภาพบำบัด ดึงหลัง ร่วมกับการออกกำลังกาย เพื่อการบำบัด และยืดกล้ามเนื้อ แต่ปัญหาอยู่ที่ตอนผู้ป่วยนำไปปฏิบัติ กล่าวคือ ผู้ป่วยรายนี้เดินเข้าไปที่ศูนย์ออกกำลังกาย โดยทั่วไปบอกกับครูฝึกเฉพาะบุคคลตามที่คุณหมอแนะนำข้างต้น ครูฝึกเฉพาะบุคคลก็จะฝึกตามข้อมูล ที่ผู้ป่วยบอกโดยที่ส่วนใหญ่จะไม่ทราบถึงข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวของผู้ป่วย ยกตัวอย่างท่าที่นิยมใช้ฝึกนะครับ การบริหารด้วยการเหยียดเข่า (Knee extension) เป็นท่าที่นั่งอยู่บนเครื่องเล่นเวท แล้วออกแรงเตะยกน้ำหนักขึ้น อยู่ในท่าเหยียดเข่าตรง ท่านี้จะเกิดแรงกดทับเพิ่มมากขึ้นที่กระดูกสันหลัง โดยเฉพาะในกรณีผู้ป่วยที่เป็นหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บแปลบที่หลัง หรือมีอาการชาเพิ่มมากขึ้น เพราะกลุ่มคนไข้ที่เป็นหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท จะมีข้อจำกัดในเรื่องการยกขา โดยเฉพาะข้างที่มีอาการ ส่วนใหญ่ยกไม่เกิน 45 องศา กับลำตัวก็จะมีอาการเจ็บแล้ว แต่ในท่าที่ทำมุมเกือบ 90 องศากับลำตัวรับรองเจ็บแน่นอน รวมไปถึงเทคนิคการยืดเพียงแค่เบื้องต้น ไม่ได้จำเพาะเป็นจุดๆ จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการตึงและไม่ผ่อนคลายเท่าที่ควร ในทางตรงกันข้ามอาจทำให้มีอาการบาดเจ็บมากขึ้น คนที่มีข้อจำกัดของร่างกายไม่เหมาะกับการออกกำลังกายในศูนย์ออกกำลังกายโดยทั่วไป แต่เหมาะสมที่จะ “ออกกำลังกายเพื่อบำบัดรักษา” (Therapeutic Excercise) ที่มีผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิดมากกว่านั่นเอง
การออกกำลังกาย เป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และระบบไหลเวียนโลหิต การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคระบบไหลเวียนโลหิต เบาหวาน และโรคอ้วน นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดีและยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย แต่การเลือกชนิดของการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับตนเอง และการตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าจะเป็นการเข้าศูนย์การออกกำลังกายโดยทั่วไป หรือการเข้าคลินิกเพื่อออกกำลังกายบำบัดรักษา ล้วนมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ควรจะคำนึงถึงความเหมาะสม อายุ และข้อจำกัดทางสุขภาพ เพื่อประสิทธิผลสูงสุดและเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองครับ
THE KAYA Clinic
โทร.082-343-8444
(Some images used under license from Shutterstock.com.)