Haijai.com


อาหารเพื่อสมอง


 
เปิดอ่าน 2693

อาหารเพื่อสมอง

 

 

ถ้าให้ทุกคนนึกถึงอวัยวะที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต “สมอง” คงเป็นหนึ่งในคำตอบของหลายๆ คน และเนื่องจากความสำคัญตรงนี้เอง ที่ทำให้หลายต่อหลายคนพยายาม พัฒนาศักยภาพสมองด้วยวิธีต่างๆ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี “อาหาร” ก็นับเป็นปัจจับหนึ่งที่มีผลต่อการพัฒนาของสมอง การวางแผนบริโภคอาหารอย่างชาญฉลาด จึงเป็นห่งในปัจจัยสำคัญที่นำสมองสู่อัจฉริยภาพ และชะลอความเสื่อมของสมอง

 

 

อาหารเพื่อสมองในวัยเด็ก อาหารสมองเพื่อช่วงสำคัญแห่งการสร้างปัญญา

 

พัฒนาการสมองและระบบประสาทเริ่มตั้งแต่ช่วงที่ทารกยังอยู่ในครรภ์ โดยเริ่เป็นเค้าลางของระบบประสาทในช่วงที่ตัวอ่อนอายุได้ 14 วัน ถึง 8 สัปดาห์นับจากวันที่ปฏิสนธิ การเจริญเติบโตของสมองและระบบประสาทจะพัฒนาเรื่อยๆ โดยเมื่อแรกคลอด สมองทารกตอนแรกเกิดมีน้ำหนักคิดเป็นร้อยละ 25 ของน้ำหนักสมองผู้ใหญ่และจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 95 ที่ก่อนอายุ 6 ขวบ อาหารนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สมองเจริญเติบโตในช่วงนี้ โดยเฉพาะช่วงสองปีแรกของชีวิต จากการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าพลังงานจากอาหารของมนุษย์ และไพรเมต กับขนาดของสมอง พบว่าตัวแปรทั้งสองนี้มีความสัมพันธ์กัน ขนาดสมองที่ใหญ่ขึ้นของมนุษย์เป็นผลให้มนุษย์ต้องการพลังงานจากอาหาร เพื่อใช้ในกระบวนการเมแทบอลิซึมของสมองมากกว่าไพรเมต และสัตว์อื่นๆ สัดส่วนพลังงานที่สมองมนุษย์ต้องการคิดเป็น 16 เท่าของพลังงานที่กล้ามเนื้อลายต้องการ และมนุษย์ใช้พลังงานถึงร้อยละ 20-25 กับกระบวนการเมแทบอลิซึมของสมอง ในขณะที่ไพรเมตอื่นๆ ใช้เพียงแค่ร้อยละ 8-10

 

 

การศึกษาในประเทศชิลีได้ยืนยันถึงความสำคัญของภาวะโภชนาการต่อสมองในวัยเด็ก ผู้วิจัยได้ทำการเปรียบเทียบผลการทดสอบ IQ และผลการสอบวิชาภาษาสเปนและคณิตศาสตร์ ในเด็กมัธยมปลายที่มีพื้นเพ ครอบครัวยากจน 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีภาวะพร่องโภชนาการ (undernutrition) เมื่อตอนขวบปีแรกของชีวิต และกลุ่มที่ปราศจากภาวะดังกล่าว ผลการศึกษาพบว่าเด็กที่มีภาวะพร่องโภชนาการตอนขวบปีแรกของชีวิตมี IQ และผลการสอบทั้งสองวิชาต่ำกว่าเด็กอีกกลุ่มหนึ่ง ในทางกลับกัน โภชนาการที่ดีก็มีส่วนช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก การศึกษาหลายงานพบว่าการเสริมโปรตีนและพลังงานในระยะยาวแก่เด็กเล็ก มีส่วนช่วยพัฒนาทักษะการรับรู้และการเรียนรู้ให้ดีขึ้น ดังเช่นการศึกษาในอินโดนีเซีย ซึ่งแบ่งเด็กทารกอายุ 1 ขวบ และ 1 ขวบครึ่ง ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ได้รับอาหารเสริมพลังงานต่ำและธาตุเหล็ก และกลุ่มที่ได้รับอาหารเสริมพลังงานต่ำ เป็นเวลา 12 เดือน และมีการประเมินผลทุกๆ 2 เดือน ผลการศึกษาพบว่า ทารกที่ได้รับอาหารเสริมพลังงานสูงจะเดินได้เร็วกว่า ตลอดจนมีพัฒนาการทางการเรียนรู้และอารมณ์ดีกว่ากลุ่มอื่นๆ

 

 

เมื่อเจาะลึกเข้าไปถึงารอาหารที่มีบทบาทต่อพัฒนาการสงอมในวัยเด็ก พบว่าตัวที่เด่นๆ ได้แก่ กรดไขมัน โอเมก้า-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง ได้แก่ docosahexaenic acid (DHA) ซึ่งจะถูกสะสมบริเวณเรตินาและสมอง กรดไขมันโอเมก้า-3 พบในพืช ส่วน DHA จะพบมากในปลาทะเล กรดไขมันโอเมก้า-3 มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาสมองและการมองเห็น การขาดกรดไขมันโอเมก้า-3 จึงทำให้เด็กมีความผิดปกติของการพัฒนาระบบประสาทและการมอง

 

 

สารอาหารที่ร่างกายต้องการในปริมาณเล็กน้อยแต่มีความจำเป็นต่อร่างกาย (micronutrients) เช่น วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 กรดโฟลิก ธาตุเหล็ก สังกะสี และไอโอดีน ต่างล้วนมีบทบาทต่อการพัฒนาสมอง งานวิจัยในประเทศไทยงานหนึ่ง ซึ่งได้ศึกษาผลของการเสริมธาตุเหล็ก วิตามินเอ ไอโอดีน และสังกะสีลงในผงปรุงรสอาหารกลางวัน สำหรับเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาในภาคอีสานเป็นเวลา 31 สัปดาห์ พบว่าเด็กที่ได้รับการเสริมสารอาหารมีการรับรู้และความจำดีกว่าเด็กอีกกลุ่มที่ไม่ได้รับการเสริมสารอาหาร ผลการศึกษานี้สอดคล้องกับการศึกษาอื่นๆ ในหลายประเทศ เช่น ในประเทศออสเตรเลีย เด็กอายุ 6-10 ปี ที่ได้รับเครื่องดื่มที่เสริมธาตุเหล็ก สังกะสี วิตามินเอ โฟเลต วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 และวิตามินซี เป็นเวลา 12 เดือน จะมีการพัฒนาความจำและการเรียนรู้ดีขึ้น

 

 

อาหารเพื่อสมองในวัยผู้ใหญ่และวัยชรา หนทางสู่การชะลอความเสื่อม

 

เมื่อชีวิตถึงวัยผู้ใหญ่และวัยชรา การทำงานของอวัยวะต่างๆ รวมถึงสมองก็เริ่มเสื่อมถอยลง สมองจะมีปริมาณลดลง มีการสูญเสียเนื้อสมอง ตลอดจนการเกิดหลอดเลือดสมองตีบแข็ง นอกจากนี้สมองยังเป็นแหล่งของกรดไขมันไม่อิ่ม่ตัว และธาตุเหล็ก จึงทำให้อ่อนไหวต่อการถูกทำลายด้วยอนุมูลอิสระ ความเสื่อมที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมอง ผู้สูงอายุหลายคนจะมีความจำและเรียนรู้ที่น้อยลง โดยจุดเริ่ต้นจะอยู่ที่อายุประมาณ 60 ปี อย่างไรก็ตามการทำงานของสมองขึ้นอยู่กับปัจจัยสองประมาณ คือ พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมภายนอก อาหารนับเป็นหนึ่งในปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมภายนอกที่มีผลต่อการทำงานของสมอง การได้รับอาหารที่มีคุณค่าตามหลักโภชนาการ จึงมีความสำคัญต่อการชะลอความเสื่อมที่เกิดขึ้นกับสมอง ดังผลการศึกษาในประเทศฝรั่งเศสที่พบว่า การที่ประชากรวัยกลางคนปฏิบัติตามคำแนะนำตามหลักโภชนาการ ซึ่งได้แก่ การบริโภคผัก ผลไม้ ธัญพืชทั้งเมล็ด (whole-grain) และการจำกัดปริมาณไขมัน ของหวาน แอลกอฮอล์ และเกลือ ตลอดจนการออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน  มีผลดีต่อความจำด้านภาษา (verbal memory) ในวัยสูงอายุ นอกจากนี้การทำอภิวิเคราะห์ (meta-analysis) ของการศึกษาต่างๆ พบว่า การเสริมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (oral nutritional supplement) ที่ให้พลังงาน วิตามิน และแร่ธาตุท่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายแก่ผู้สูงอายุที่มีอาการหลงลืม จะช่วยให้ผู้สูงอายุในกลุ่มดังกล่าวมีการรับรู้และการเรียนรู้ดีขึ้น

 

 

เมื่อเจาลึกรายละเอียดสารอาหารที่มีผลดีต่อสมอง กรดไอมันโอเมก้า-3 ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อการชะลอความเสื่อมของสมองในวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุ การเสริม DHA ขนาด 900 มิลลิกรัมต่อวันแก่ผู้สูงอายุ (อายุเฉลี่ย 70 ปี) ที่มีปัญหาความจำเสื่อมตามวัย (age-related cognitive decline) เป็นเวลา 24 สัปดาห์ ช่วยให้ผู้สูงอายุกลุ่มดังกล่าวมีความจำและการเรียนรู้ที่ดีขึ้นกว่าตอนเริ่มต้น และดีกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอก นอกจากนี้การได้รับโอเมก้า-3 จากการบริโภคปลาทะเล ก็ยังส่งผลดีต่อสมอง การศึกษาในประเทศนอร์เวย์พบว่าผู้สูงอายุที่รับประทานปลาและอาหารจากปลาวันละ 10 กรัม ขึ้นไป มีความจำดีกว่าผู้ที่ได้รับผู้ที่รับประทานปลาน้อยกว่าวันละ 10 กรัม หรือ ไม่รับประทานเลย และที่ประเทศเนเธอร์แลนด์มีการศึกษาผลของการรับประทานปลาของผู้สูงอายุต่อความจำเป็นเวลา 5 ปี โดยแบ่งผู้สูงอายุออกเป็น 3 กลุ่มได้ก่ ผู้ที่ไม่รับประทานปลา ผู้ที่รับประทานปลาน้อยกว่า 20 กรัม ต่อวัน และผู้รับประทานปลามากกว่า 20 กรัม ต่อวัน ที่ตอนเริ่มต้นการศึกษา ผลการทดสอบการรับรู้และความจำของผู้สูงอายุทุกกลุ่มไม่แตกต่างกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี พบว่าผู้ที่ไม่รับประทานปลามีผลการทดสอบการรับรู้และความจำลดลงมากกว่าผู้ที่รับประทานปลา

 

 

นอกจากโอเมก้า-3 แล้ว micronutrients ได้แก่ วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 กรดโฟลิก วิตามินซี วิตามินอี สังกะสี และเซเลเนียม ก็นับเป็นสารอาหารที่มีบทบาทต่อการชะลอความเสื่อมของสมองในวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุ วิตามินซีและวิตามินอีทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันสมองไม่ให้ถูกอนุมูลอิสระทำลาย นอกจากนี้วิตามินซียังมีหน้าที่เกี่ยวกับการสังเคราะห์สารสื่อประสาทจำพวก epinephrine ได้แก่ dopamine, norepinephrine และ epinephrine ส่วนวิตามินบี 6 บี 12 และกรดโฟลิกนั้น มีงาวิจัยหลายงานที่ยืนยันถึงบทบาทของวิตามินเหล่านี้ กับการชะลอความเสื่อมของสมอง เช่น งานวิจัยในออสเตรเลียที่เสริมกรดโฟลิคและวิตามินบี 12 ในผู้สูงอายุที่มีอายุระหว่าง 60-74 ปี เป็นเวลา 2 ปี พร้อมทั้งทดสอบความจำที่เริ่มต้นการศึกษา ครบ 1 ปี และสิ้นสุดการศึกษา พบว่าผู้สูงอายะที่ได้รับการเสริมวิตามินจะมีการคะแนนแบบทดสอบความจำดีกว่าผู้สูอายุที่ได้รับยาหลอก

 

 

สำหรับแร่ธาตุนั้น สังกะสีเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่พบมากในสมอง การศึกษาหลายงานได้ยืนยันถึงความสัมพันธ์ระหว่าง สังกะสีกับการทำงานของสมองที่เป็นปกติ แต่อย่างไรก็ตามการเสริมสังกะสีในปริมาณที่มากจนเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์เซเลเนียมเป็นแร่ธาตุที่มีบทบาทต่อระบบต้านอนุมูลอิสระของร่างกาย จึงมีส่วนช่วยป้องกันสมองจากการทำลายด้วยอนุมูลอิสระ

 

 

การศึกษาที่น่าสนใจงานหนึ่งในฝรั่งเศส ได้เสริมวิตามินและแร่ธาตุที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน เซเลเนียม และสังกะสี ในขนาดที่เหมาะสมตามหลักโภชนาการแก่ตัวอย่างเป็นเวลา 8 ปี หลังจากสิ้นสุดการเสริมสารอาหารดังกล่าวเป็นเวลา 6 ปี แล้ว ผู้วิจัยได้เชิญตัวอย่างมาทดสอบความจำและการรับรู้ผลการศึกษาพบว่า ผู้สูงอายุที่ได้รับการเสริมสารอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเมื่อหลายปีก่อนมีค่าคะแนนความจำเชิงเหตุการณ์ (episodic memory) ดีกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอก

 

 

จากที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่าอาหารนับเป็นสิ่งหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพของสมอง อาหารที่ทำใสองเติบโตอย่างมีคุณภาพนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารที่ราคาแพงหรือหายาก หากแต่เป็นอาหารที่อยู่รอบๆ ตัวเรานี้เอง ขอเพียงเรารู้จักรับประทานให้มีคุณค่าครบถ้วนตามหลักโภชนาการ พร้อมกับการดำเนินชีวิตอย่างถูกสุขอนามัย มีจิตใจที่แจ่มใสเสมอ เพียงเท่านี้เราก็จะได้สมองที่ดีๆ คู่กับเราไปนานๆ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสิ่งที่มีราคาแพง

(Some images used under license from Shutterstock.com.)





ยกกระชับช่องคลอด Vaginal Lift Vaginal Morpheus Pro Morpheus ยกกระชับ Oligio Body Oligio IV Drip ดริปวิตามิน Emsella รีแพร์ เลเซอร์นอนกรน นอนกรน Indiba ปากกาลดน้ำหนัก ลดน้ำหนัก Emsculpt สลายไขมัน สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting romrawin รมย์รวินท์ Belotero ผิวฉ่ำ Glassy Skin Juvederm Coolsculpting เลเซอร์รอยสิว Meso Hair Skinvive ฟิลเลอร์แก้มตอบ ฟิลเลอร์น้องชาย ฟิลเลอร์น้องสาว ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์คาง ฉีดฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ ฉีดโบหางตา ฉีดโบลิฟกรอบหน้า ฉีดโบหน้าผาก ฉีดโบยกมุมปาก ฉีดโบปีกจมูก ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา ฉีดโบลดกราม ฉีดโบรักแร้ ฉีดโบลดริ้วรอย โบลดริ้วรอย ดื้อโบลดริ้วรอย Volnewmer Linear Z ยกมุมปาก Morpheus8 ลดร่องแก้ม Ultraformer III Ultraformer MPT Emface Hifu ยกกระชับหน้า Ultherapy Prime Ulthera Ulthera Thermage FLX Thermage Oligio Oligio ร้อยไหมจมูก ร้อยไหม เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนน้องสาว เลเซอร์ขนหน้า เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนบราซิลเลี่ยน เลเซอร์ขนขา เลเซอร์หนวด เลเซอร์รักแร้ กำจัดขนถาวร กำจัดขน เลเซอร์ขน เลเซอร์ขน Pico Laser Pico Majesty Reepot Laser Gouri Exosome Harmonyca Profhilo Sculptra Sculptra Radiesse Radiesse Radiesse Radiesse Radiesse Radiesse UltraClear AviClear Accure Laser Fit Firm Emsculpt Coolsculpting Elite NAD+ ดีท็อกลำไส้ EIS BIO SCAN ICELAB IV DRIP Vaginal P-SHOT O-Shot LLLT ปลูกผม รักษาผมร่วง ผมร่วง ผมบาง ปลูกผม ปลูกผมถาวร ปลูกผม FUE ปลูกผม ดูดไขมัน ดึงหน้า ทำตาสองชั้น เสริมจมูก ยกคิ้ว เสริมหน้าอก วีเนียร์ Apex