
© 2017 Copyright - Haijai.com
ลูก 4 ขวบแล้ว อย่าลืมพาไปฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใสเข็มที่ 2 กันนะคะ
เมื่อพูดถึงโรคอีสุกอีใส อาจทำให้คุณแม่หลายๆ ท่าน รู้สึกกลัวและกังวลว่าจะเกิดขึ้นกับลูกๆ ที่บ้าน เพราะหากเด็กๆ เป็นโรคอีสุกอีใส ผลกระทบที่จะตามมาในหลายเรื่องก็คือ การเป็นไข้แทรกซ้อน, ต้องขาดเรียนหลายวัน หรือในเด็กบางคนที่เป็นมากก็ต้องหยุดเป็นสัปดาห์, คุณแม่หรือคุณพ่อต้องลางานเพื่อมาดูแลลูกขณะที่เป็นอีสุกอีใส, เป็นแผลเป็นหลังจากแผลตกสเก็ดแล้ว(แผลเป็นจะค่อยๆ จางหายไป แต่อาจต้องใช้เวลานาน) ในเด็กโตๆ เมื่อเป็นอีสุกอีใส แผลเป็นจะหายช้ากว่าเด็กเล็กๆ ซึ่งในปัจจุบันโรคอีสุกอีใสสามารถป้องกันการเกิดโรคได้ด้วยการรับวัคซีนป้องกันโรค คุณแม่สามารถขอรับคำแนะนำที่ถูกต้องเรื่องการฉีดวัคซีนได้จากกุมารแพทย์ที่ดูแลลูกเป็นประจำค่ะ
โรคอีสุกอีใสป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน
โรคอีสุกอีใสสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน เด็กที่ฉีดวัคซีนแล้วจะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคลงได้ ทำให้เด็กไม่ต้องมีแผลเป็น และยังป้องกันงูสวัดในอนาคตได้อีกด้วย
ประโยชน์ของวัคซีนอีสุกอีใส
• วัคซีนอีสุกอีใส เป็นวัคซีนที่สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคอีสุกอีใส
• ลดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็น อันเนื่องมาจากการเป็นโรคอีสุกอีใส
• ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคแทรกซ้อนจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
• ลดโอกาสในการเป็นโรคงูสวัดในภายหลัง
• วัคซีนไปแล้ว ดังนั้นอเมริกาจึงได้ออกคำแนะนำใหม่ให้ฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใส 2 เข็มในเด็กเล็ก เพื่อเพิ่ม
ทำไมต้องฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใส 2 เข็ม
เดิมแนะนำให้ฉีดเพียง 1 เข็มแต่มีรายงานในอเมริกาพบว่ามีเด็กจำนวนหนึ่งที่ยังคงป่วยด้วยโรคอีสุกอีใสแม้ได้รับประสิทธิภาพการป้องกัน สำหรับประเทศไทยก็ได้มีคำแนะนำใหม่ดังนี้
• ครั้งที่ 1 เมื่ออายุ 1 ปีขึ้นไป
• ครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 4-6 ปี
กรณีเด็กอายุ 13 ปีขึ้นไป ให้ฉีด 2 เข็มห่างกัน 1 เดือน เด็กที่ฉีดวัคซีนอีสุกอีใสไปแล้ว บางคนยังอาจเป็นโรคอีสุกอีใสได้ แต่ก็จะมีอาการรุนแรงน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีน
“การฉีดวัคซีนอีสุกอีใส 2 ครั้ง จะเพิ่มประสิทธภาพการป้องกันสูงกว่าการฉีดเพียง 1 ครั้ง ดังนั้นคุณแม่ที่มีลูกอายุ 1 ปีและ 4 ปี อย่าลืมปรึกษากุมารแพทย์เรื่องการป้องกันโรคอีสุกอีใสนะคะ”
(Some images used under license from Shutterstock.com.)