Haijai.com


อย่าลืมไปฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใส


 
เปิดอ่าน 2657

ลูก 4 ขวบแล้ว อย่าลืมพาไปฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใสเข็มที่ 2 กันนะคะ

 

 

เมื่อพูดถึงโรคอีสุกอีใส อาจทำให้คุณแม่หลายๆ ท่าน รู้สึกกลัวและกังวลว่าจะเกิดขึ้นกับลูกๆ ที่บ้าน เพราะหากเด็กๆ เป็นโรคอีสุกอีใส ผลกระทบที่จะตามมาในหลายเรื่องก็คือ การเป็นไข้แทรกซ้อน,  ต้องขาดเรียนหลายวัน หรือในเด็กบางคนที่เป็นมากก็ต้องหยุดเป็นสัปดาห์,  คุณแม่หรือคุณพ่อต้องลางานเพื่อมาดูแลลูกขณะที่เป็นอีสุกอีใส, เป็นแผลเป็นหลังจากแผลตกสเก็ดแล้ว(แผลเป็นจะค่อยๆ จางหายไป แต่อาจต้องใช้เวลานาน)  ในเด็กโตๆ เมื่อเป็นอีสุกอีใส แผลเป็นจะหายช้ากว่าเด็กเล็กๆ  ซึ่งในปัจจุบันโรคอีสุกอีใสสามารถป้องกันการเกิดโรคได้ด้วยการรับวัคซีนป้องกันโรค คุณแม่สามารถขอรับคำแนะนำที่ถูกต้องเรื่องการฉีดวัคซีนได้จากกุมารแพทย์ที่ดูแลลูกเป็นประจำค่ะ

 

 

โรคอีสุกอีใสป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน

 

โรคอีสุกอีใสสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน เด็กที่ฉีดวัคซีนแล้วจะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคลงได้ ทำให้เด็กไม่ต้องมีแผลเป็น และยังป้องกันงูสวัดในอนาคตได้อีกด้วย

 

 

ประโยชน์ของวัคซีนอีสุกอีใส

 

 วัคซีนอีสุกอีใส เป็นวัคซีนที่สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคอีสุกอีใส

 

 

 ลดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็น อันเนื่องมาจากการเป็นโรคอีสุกอีใส

 

 

 ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคแทรกซ้อนจากการติดเชื้อแบคทีเรีย

 

 

 ลดโอกาสในการเป็นโรคงูสวัดในภายหลัง

 

 

 วัคซีนไปแล้ว ดังนั้นอเมริกาจึงได้ออกคำแนะนำใหม่ให้ฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใส 2 เข็มในเด็กเล็ก เพื่อเพิ่ม

 

 

ทำไมต้องฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใส 2 เข็ม

 

เดิมแนะนำให้ฉีดเพียง 1 เข็มแต่มีรายงานในอเมริกาพบว่ามีเด็กจำนวนหนึ่งที่ยังคงป่วยด้วยโรคอีสุกอีใสแม้ได้รับประสิทธิภาพการป้องกัน สำหรับประเทศไทยก็ได้มีคำแนะนำใหม่ดังนี้

 

 

 ครั้งที่ 1 เมื่ออายุ 1 ปีขึ้นไป

 

 

 ครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 4-6 ปี

 

 

กรณีเด็กอายุ 13 ปีขึ้นไป  ให้ฉีด 2 เข็มห่างกัน 1 เดือน เด็กที่ฉีดวัคซีนอีสุกอีใสไปแล้ว บางคนยังอาจเป็นโรคอีสุกอีใสได้ แต่ก็จะมีอาการรุนแรงน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีน

 

 

“การฉีดวัคซีนอีสุกอีใส 2 ครั้ง จะเพิ่มประสิทธภาพการป้องกันสูงกว่าการฉีดเพียง 1 ครั้ง  ดังนั้นคุณแม่ที่มีลูกอายุ 1 ปีและ 4 ปี อย่าลืมปรึกษากุมารแพทย์เรื่องการป้องกันโรคอีสุกอีใสนะคะ”

(Some images used under license from Shutterstock.com.)